เส้นทางการก่อร่างสร้าง ‘ซูเปอร์แม่’ เต็มไปด้วยข้อท้าทาย ตั้งแต่วางแผนก่อนคลอดบุตร จัดสรรความรัก ความเอาใจใส่ให้ครอบครัว และหนึ่งในล้านพลังวิเศษที่ซูเปอร์แม่เหล่านี้ขาดไปไม่ได้เลย คือการจัดสรรเวลาที่มีอยู่อย่างจำกัด พวกเธอต้องใช้พลังมหาศาลไปกับการหันหน้าหันหลังดูแลทั้งงานประจำและครอบครัว เช่นเดียวกับผู้หญิงส่วนใหญ่ที่ใช้เวลาเฉลี่ยอย่างน้อยวันละ 5 ชั่วโมงไปกับการทำงานบ้านและดูแลครอบครัว ทั้งยังมีภาระหน้าที่ในการทำงานนอกบ้านกว่าวันละ 8-12 ชั่วโมงหารายได้เพื่อเป็นต้นทุนการเติบโตของลูก ทำให้โดยรวมแล้วเวลาในหนึ่งวันของมนุษย์แม่แทบจะไม่เหลือเพียงพอสำหรับความบันเทิงหรือแม้กระทั่งเวลาส่วนตัว แม้ซูเปอร์แม่จะยืนยันว่าพวกเธอไม่ต้องการอะไรมาก การเติมพลังงานในแต่ละวันต้องการเพียงเสียงหัวเราะและความสบายใจของคนในครอบครัวเท่านั้น แต่ถึงจะเป็นยอดมนุษย์ก็ไม่ควรต้องต่อสู้โดยปราศจากความช่วยเหลือจากภาครัฐ
ในขณะที่รัฐบาลไทยพยายามกระตุ้นให้มีจำนวนเด็กแรกเกิดเพิ่มขึ้นจนมีโครงการอย่าง ‘สาวไทยแก้มแดง’ ที่เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปีพ.ศ. 2560 มาจนถึงปัจจุบัน เน้นการสร้างเสริมภาวะทางสุขภาพด้วยการเสริมวิตามิน ลดภาวะเลือดจางให้หญิงไทยพร้อมสำคัญการตั้งครรภ์และให้กำเนิดบุตรที่แข็งแรง และนโยบายในปีพ.ศ. 2564 อย่าง ‘นัดเดตคนโสด’ ที่รัฐร่วมกับภาคเอกชนในการจัดกิจกรรมต่าง ๆ อย่างอีเวนท์จับคู่คนโสด ไปจนถึงกิจกรรมที่นัดให้คู่รักที่มีบุตรยากได้พบแพทย์ และถึงขั้นมีจะการเชิญอินฟลูเอนเซอร์ที่แฮปปี้กับการเลี้ยงลูกเข้ามาช่วยในการประชาสัมพันธ์ให้คนโสดเกิดประกายอยากสร้างครอบครัวและมีลูกขึ้นมา รวมถึงนโยบายฮือฮา ‘มารดาประชารัฐ’ ที่โปรโมทหนักตั้งแต่ช่วงปีพ.ศ. 2562 สัญญาจะสนับสนุนตั้งแต่เริ่มฝากครรภ์เป็นเงินเดือนละ 3,000 บาท ตลอดเวลา 9 เดือน ดูแลค่าคลอด 10,000 บาท และค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงเดือนละ 2,000 บาท ตั้งแต่เกิดจนอายุครบ 6 ปี แต่นอกจากจะไม่มีการติดตามผลความสำเร็จที่ชัดเจนของนโยบายเหล่านี้แล้ว ยังเป็นข้อสังเกตว่า ความพยายามเหล่านี้เลื่อนลอยและละเลย ‘แม่’ ที่อยู่ในระบบแรงงานผู้ต้องเผชิญปัญหาการจัดสรรเวลาไปอย่างสิ้นเชิง
เมื่อไม่มีแรงสนับสนุนจากรัฐผู้หญิงที่อยากเป็นแม่หลายรายจึง ‘เลือก’ มุ่งมั่นสร้างตัวเองและครอบครัวให้มั่นคงเสียก่อนจะมีลูก และกว่าพวกเธอจะตัดสินใจว่าถึงภาวะที่พร้อมมีลูกก็ทำให้ช่องว่างอายุระหว่างเธอกับลูกกว้างมากพอจะส่งผลให้หลายคนยังต้องทำงานหารายได้สนับสนุนลูกต่อไปแม้เกษียณจากการทำงานในระบบแล้ว ต่อให้พลังวิเศษในการบริหารแรงงานและเวลาของซูเปอร์แม่เหล่านี้จะน่าชื่นชมสักเพียงไหน แต่ก็อดห่วงไม่ได้ว่าต่อไปในอนาคตใครเล่าจะอยากดาหน้าเข้ามาเป็นซูเปอร์แม่หน้าใหม่หากเห็นว่ารัฐไทยไม่มีแนวทางที่มีประสิทธิภาพในการสนับสนุนให้ชีวิตของแม่ ๆ นั้นสบายขึ้นได้บ้าง

พื้นเพแม่เป็นคนจังหวัดขอนแก่น เราเข้ามาอยู่กรุงเทพฯ ตั้งแต่แปดขวบแล้วก็เรียนที่นี่ยาวเลย จริงๆ เราอะไรก็ได้ไม่ได้มีความฝันฉันอยากเป็นนู่นนี่นั่น
ตอนแรกเรียนมนุษย์ศาสตร์ แต่พอเรียนไม่จบก็เลยได้ทำงานพิเศษหลายอย่าง จนมาทำงานบริษัทโฆษณา เริ่มต้นจากพวกธุรการแล้วทำเกี่ยวกับบัญชีก็เลยมาจับทางด้านนี้เลย
พี่มีลูกคนแรกตอนอายุ 33 คนที่สองห่างกัน 3 ปี แพลนเลยว่าเอาห่างกันประมาณนี้เขาจะได้โตมาใกล้ ๆ กัน จะได้เลี้ยงง่ายหน่อย ก่อนมีลูกเราต้องคิดหลายอย่างมาก เรื่องเงินถือว่าเป็นเรื่องใหญ่อยู่ค่ะ ตั้งแต่ฝากท้องไปโรงพยาบาลไหนดี คลอดมีแพ็กเกจอย่างไร คลอดออกมาแล้วเราก็ต้องเตรียมของให้เขา ลูกเราจะต้องเอาแบบไหนดี ต้องใส่ของดี ๆ เลยไหม และต้องซื้อรถเพราะถ้ามีลูกก็ต้องมีรถพาไปไหนมาไหน แล้วก็คิดไว้เลยว่าจะเลี้ยงเขายังไง เราศึกษาจากคนรอบตัว เราเคยเห็นแบบไหนมา เราอยากจะให้เป็นแบบนั้นไหม คิดว่าอยากเลี้ยงแบบเราเข้าถึงเขาให้ได้มากที่สุดแล้วก็จะได้รู้ว่าเขาคิดยังไง พี่ดีหน่อยเพราะอยู่ด้วยกันกับลูก มีแม่ช่วยเลี้ยง
โชคดีที่อยู่กับแม่ มีแม่กับพ่ออยู่ด้วยเขาก็ช่วยเลี้ยงให้ไม่งั้นเราก็คงไม่ได้ทำงาน พี่ให้นมเองสามเดือนหกเดือนปกติ คืองานพี่มันไม่ได้กลับไม่เป็นเวลา เราเลิกงานเช้ากลับเย็น แต่เราต้องจัดสรรเวลาให้ได้ด้วยนะเพราะต้องใส่ใจทุกอย่าง ลูก บ้าน ครอบครัว สามี พี่เลี้ยงลูกเองเป็นหลัก เพราะบางทีงานสามี ไม่เป็นเวลา ออกกองเช้ากลับดึกหรือบางวันไปต่างจังหวัดไม่ได้กลับบ้านก็มี เราก็ใช้วิธีโทรหา วิดีโอคอลหากันว่าปะป๊าถึงออฟฟิศแล้ว ถึงโรงแรมแล้วนะ พ่อลูกเขาก็จะคุยกัน แค่นี้มันโอเคสำหรับเขา เขาได้รู้ว่าปะป๊าไปทำงานนะ เดี๋ยวปะป๊าก็กลับมา เราคุยกับเขาตลอดว่าวิธีการทำงานของแม่เป็นยังไง ของป๊าเป็นยังไง ถ้าเราจัดสรรเวลาได้มันก็มันก็ดีทุกอย่าง
จริง ๆ แล้วก็เหนื่อยนะ เหนื่อยแต่มีความสุข พี่ก็ยอมเหนื่อย สมมติว่าวันนี้ทำงานเหนื่อยมากเลย ขับรถกลับบ้านก็รถติด แต่พอไปถึงบ้านเจอลูก แม่กลับมาแล้ว วิ่งมาหาเรา เปิดประตูให้ วิ่งมากอดอะไรอย่างนี้ โอ้สบายละ เหมือนกับทุกอย่างมันโล่ง เวลาเห็นลูกมีความสุขหรือเห็นครอบครัวยิ้มก็ดีใจ
ตัวพี่ไม่ได้มีความฝันอะไรที่ต้องทำให้ได้หรอก พี่แค่อยากจะบอกว่าถ้าคุณมีความฝันที่จะต้องทำ ก็ทำให้เสร็จก่อนจะมีลูกเถอะ เพราะว่าพอมีลูกแล้วทุกอย่างมันจะตกอยู่ที่เขา คำว่าส่วนตัวมันจะไม่มีเลยนะ จะได้เวลาส่วนตัวช่วงที่ลูกหลับ แล้วเวลานั้นเราก็จะเอาไปทำอะไร ก็อาบน้ำ กินข้าว ฟังเพลง ดูหนังประมาณนี้ เพราะฉะนั้นถ้าอยากมีความฝันหรือทำอะไรให้สำเร็จรบกวนทำซะก่อน เพราะเห็นบางคนพอมีลูกแล้วกลายเป็นปัญหา มีลูกบางคนอาจจะตัดใจทิ้งความฝันได้ แต่บางคนที่ตัดไม่ได้ก็กลายเป็นปัญหาเหมือนกัน อีกอย่างถ้ามีลูกแล้วสังคมคุณจะหายไปเลยนะ จะมีแค่ไลน์คุยกัน โทรคุยกันบ้าง ร้านเหล้าหรือผับก็ไม่ได้ไปอีกเลยตั้งแต่มีลูก คือถ้าอยากมีลูกจริง ๆ ต้องคิดว่า เราทิ้งพวกนั้นได้ไหม สิ่งที่เราเคยสนุก ที่เราเคยทำมาเราต้องทิ้งพวกนั้นให้ได้ด้วย เราอยากมีลูกที่โตขึ้นมาเป็นคนดีมีประสิทธิภาพ เราก็พยายามเลี้ยงให้ได้ สอนให้เค้าใช้ชีวิตเองได้ ตอนนี้เราไปรับไปส่งลูกทุกวันแต่ปีหน้าลูกสาวจะขึ้นมัธยม ก็คิดว่าจะให้เดินทางไปเองได้แล้วหรือยัง เริ่มปล่อยให้เขาใช้ชีวิตแบบผจญภัยได้เห็นโลกภายนอกจริง ๆ ได้ตัดสินใจเองจริง ๆ ขึ้นรถเมล์คันนี้ มอเตอร์ไซค์คันนี้ เจอเพื่อนแบบนี้ พี่ก้อยมีแพลนไว้บ้างว่าต้องสอนเขาอย่างไรดี ต่อไปเขาต้องไปเจอเพื่อนที่โตขึ้นหรือมาจากที่อื่น เขาต้องตัดสินใจเองว่าเขาจะคบคนแบบไหน เราอยากให้เขาอยู่ในสังคมที่มีเพื่อนที่ดีหน่อยแต่ก็ไม่ได้ให้ลูกมองด้านเดียวนะ พี่ก็ให้เห็นในสิ่งที่มันเลวร้ายอยู่ในข่าว ใน Tiktok เขาเสพสิ่งพวกนี้เราก็ต้องคอยบอกว่าโลกมันเป็นอย่างไร ต่อไปเค้าจะใช้ชีวิตเองได้ ไม่เดือดร้อนคนอื่นมาก
หลังพี่เกษียณ ลูกยังเรียนไม่จบมหาลัยเลยนะ เราก็อาจจะหางานทำไปก่อน เคยคุยกับพี่เลนว่าบั้นปลายก็จะกลับไปอยู่ต่างจังหวัด ปลูกพืช ทำสวน เราใช้ชีวิตคนแบบแก่ ส่วนลูกก็ใช้ชีวิตปกติของเขาไป แต่กว่าจะถึงช่วงนั้น คือกว่าเราจะปล่อยลูกได้พี่คิดว่าต้องทำใจสักระยะหนึ่ง

พี่ตองเป็นคนจังหวัดนครศรีธรรมราช อยู่ที่นู่นจนถึง ม.6 แล้วก็มาเรียนคณะบัญชีที่รามคำแหงกับพี่สาว พอจบรามฯ ปุ๊บก็อยู่แถวนี้เลยหางานแถวนี้ สำนักงานบัญชีบ้างอะไรบ้าง ตอนแรกพี่ตองไม่อยากเรียนบัญชี (หัวเราะ) รู้สึกว่ามันไกลตัวมากแต่ด้วยความที่พี่สาวคนโตที่เขาส่งเรียนอยากให้เป็นบัญชีสักคนหนึ่งเพราะว่าอยากจะเปิดร้านอาหารของครอบครัว แล้วพี่ตองเป็นน้องสุดท้องของบ้าน ก็เลยโดนบังคับเรียน แต่ก็เรียนได้ พอเรียนจบก็ทำงานหาประสบการณ์ไปเรื่อย สักพักหนึ่งพี่สาวคนที่เป็นตัวตั้งตัวตีส่งเสียให้พี่ตองเรียนเขาเสียชีวิต พอมาถึงจุด ๆ หนึ่งเราก็ต้องเดินต่อ พี่ก็ต้องหางานเอง
พี่ตองมาทำงานที่นี่ มาเจอพี่โก๋ (สามี) ที่เป็นผู้ช่วยช่างภาพ ตอนแรกก็คิดว่าจะไม่มีลูก เพราะเราอยากใช้ชีวิตแบบที่มีวันหยุดก็พักผ่อน อยากไปเที่ยวเหมือนวัยรุ่นปกติเลย กลัวว่าถ้ามีลูกจะดูแลเขาได้ไม่เต็มที่ จนผ่านไปหลายปี ซึ่งตอนนั้นเราก็อายุเยอะขึ้น การไปเที่ยวกันสองคน มันเริ่มเบื่อแล้วเลยคิดว่าหรือเราจะลองมีลูกกันดี คุยกันเยอะเลยเพราะว่าพี่โก๋เขาทำงานเป็นฝ่าย production อาจจะต้องไปเช้ากลับดึก อาจจะต้องมีงานเสาร์อาทิตย์หรือวันหยุด เราคุยกันตั้งแต่แรกแล้วว่าต้องจัดสรรเวลา เพราะพี่ตองกับพี่โก๋อยากเลี้ยงลูกเอง คืออยากให้เขาอยู่กับเรา เลยมีพี่ชายของพี่โก๋เป็นคนช่วยดูแลลูกให้ที่คอนโด พอมีลูกพี่โก๋ก็ซักผ้า ชงนม เขาเป็นมือชงเลย ถึงเวลาพี่ต้องตื่นมาปั๊มนม เอาไปใส่ช่องฟรีซ แล้วพี่โก๋จะเป็นคนเอาออกมาอุ่นใส่ขวดนมเพื่อให้ลูก ส่วนพี่ตองก็เลี้ยงลูก แบ่งกันไปตามเวลาที่เหมาะสม แต่ถ้าเกิดเขามีงานพี่ตองก็จะดูแลลูกแล้วก็ทำทุกอย่างเอง ส่วนคุณลุงเขาจะดูแลช่วงที่เรามาทำงาน คือเมื่อก่อนอยู่บ้านที่อ่อนนุช แต่พอมีลูกก็เลยซื้อคอนโดใกล้ ๆ เพื่อตอนเที่ยงจะได้กลับไปดูลูกแว้บหนึ่ง ตอนนั้นพี่ตองกังวลมาก ขนาดให้คุณลุงที่เรามั่นใจแล้วว่าเขาจะรักลูกเราได้สนิทใจ ไม่ทำร้ายลูกเราแน่ ก็ยังกังวลว่า ลูกจะอยู่ได้ไหม ลูกจะร้องไหม แรก ๆ ทำงานไปด้วยกังวลไปด้วย จนซักพักหนึ่งเขากินได้นอนหลับ เราก็เบาใจ ตอนแรกจะให้ลูกเข้าเรียนตั้งแต่ 2 ขวบ แต่ทำใจไม่ได้ 2 ขวบครึ่งก็ยังทำใจไม่ได้ (หัวเราะ) จน 3 ขวบ ถึงให้เขาไปเรียนเริ่มเรียนเตรียมอนุบาล พอน้องเข้าโรงเรียนแล้วคุณลุงจะมีเวลาเป็นของตัวเองบ้าง
ตอนท้องพี่ตองอายุประมาณ 38-39 เป็นช่วงโควิดด้วยแต่ดีที่ออฟฟิศให้ work from home เราก็ทำงานที่บ้าน พอถึงช่วงต้องเข้าออฟฟิศก็จะคลอดพอดี กลายเป็นว่าต้องลาคลอด 3 เดือน หลังจากนั้นก็กลับมาทำงาน คิดว่ามีลูกแล้วไม่ได้กระทบงานนะ เพราะว่าเวลาการทำงานมันฟิกตายตัวเลย คือ 9 โมงถึง 6 โมง มีพักเที่ยง แต่ชีวิตอย่างอื่นเปลี่ยน แต่ก่อนจะมีกิจกรรมทุกอาทิตย์ ไปนั่นไปนี่ อยากไปกินอะไรก็ไป กลับดึก ๆ ได้ ไม่คิดอะไรมากเลยแต่พอมีลูกก็ต้องคิดหน่อยละ เอ๊ะ มันบ่อยไปหรือเปล่า บางที่เด็กไปไม่ได้ ไม่ควรพาเด็กไป เช่น จะไปกางเต็นท์ไม่ได้ เราก็จะไม่ไปเที่ยวอย่างนั้นละ อีกเรื่องคือการเก็บเงิน 2 คนสามีภรรยาเนี่ย จะเก็บเงินเป็นทุนการศึกษาให้ลูกก่อนอันดับแรก อีกส่วนหนึ่งก็คือ เก็บเงินสำหรับไว้กินไว้เที่ยวในครอบครัว พี่ตองว่าชีวิตเปลี่ยนเยอะเหมือนกัน แต่ว่าเปลี่ยนแล้วเราก็มีความสุขด้วย
หลังจากเราเกษียณแล้วก็ยังจะต้องดูแลลูกอยู่ค่ะ มันเป็นผลพวงมาจากที่เรามีลูกตอนที่อายุเยอะ แต่อย่างน้อยเราก็ไม่ต้องห่วงมากเพราะเกษียณอายุแล้วเราก็ยังมีเงินให้ลูกเรียน ไม่ต้องดิ้นรนหาเงินเพื่อจะส่งลูกเรียน เพราะเราเก็บสะสมตั้งแต่ตอนนี้ไปก่อน แล้วก็จะมีเงินสมทบจากการเป็นพนักงานที่จะเป็นเงินลงทุนวันข้างหน้าของเราได้ พี่ตองก็วางแผนจะขายของอยู่ที่กรุงเทพฯ นี่แหละ เพราะว่าต้องรอให้น้องเรียนจบโตเป็นผู้ใหญ่

พี่กระแตเป็นคนจังหวัดปราจีนบุรีแต่ว่ามาเรียนในกรุงเทพฯ แล้วก็ทำงานในกรุงเทพฯ เลย พี่เรียนการเงินและการธนาคารเพราะอยากจะทำอาชีพเกี่ยวกับการเงิน ตอนนี้ก็ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่บัญชี ทำเกี่ยวกับการเงินและการธนาคารตลอดมาเป็น 10 กว่าปีได้แล้วค่ะ แต่บางทีเราก็อยากทำเสริมอย่างอื่นเพื่อจะได้มีความรู้ในด้านอื่นด้วย
พี่กับแฟนคบกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ พอเรียนจบเราก็เลยแต่งงานกัน พอใช้ชีวิตแบบครอบครัวสักพักหนึ่งก็มีลูกค่ะ เรื่องการแบ่งหน้าที่เลี้ยงไม่ได้คุยกันมาก คิดว่าเรามีลูกมาแล้วเราก็ค่อยแก้ปัญหากันไปได้ แต่ก็คุยเรื่องใครจะเลี้ยงให้ เพราะเราอยากให้ลูกอยู่กับเรา เราอยากผูกพันกับเขา เราไม่อยากคลอดแล้วเอาไปให้ต่างจังหวัดเลี้ยงกลัวจะไม่สนิทกัน เราก็เลยเต็มใจที่จะดูแลเอง ช่วงคลอดก็ลาไป 3 เดือนตามสวัสดิการ หลังจากนั้นแม่มาช่วยเลี้ยงอยู่อีก 3 เดือนพอแม่กลับไปบ้านต่างจังหวัด เราก็เลยต้องหาคนเลี้ยง โชคดีที่ไปเจอตายายที่อยู่ในหมู่บ้านซึ่งเขาเเลี้ยงให้จนเข้าเตรียมอนุบาล แต่พอเขาย้ายไปเราก็ต้องย้ายที่สำหรับเลี้ยงลูก ก็ไปได้เนิร์สเซอรีอีกที่หนึ่งตอนเขาเข้าโรงเรียน คือตอนเช้าเราก็จะไปส่งที่โรงเรียนแล้วตอนเย็นรถก็จะไปส่งที่เนิร์สเซอรีแล้วพอเลิกงานก็ไปรับเขากลับบ้าน พอต้องเอาลูกไปให้คนอื่นเลี้ยงซึ่งเราไม่รู้ว่าเขาจะดูแลดีหรือเปล่า ช่วงนั้นก็เครียดเหมือนกันนะคะ ถึงขั้นร้องไห้เลย แต่สักพักหนึ่งมันก็ชินเพราะเราเลือกให้ลูกอยู่กับเราแล้วเราก็ต้องรับได้
พี่กระแตเลี้ยงลูกเองเป็นหลัก เราก็ต้องทำงานไปด้วยแล้วก็เลี้ยงลูกไปด้วยมันก็เหมือนคูณสองค่ะ (หัวเราะ) แล้วลูกเราเป็นผู้หญิงเขาเริ่มโตเป็นสาวแล้ว จะเริ่มไม่ค่อยอยากให้พ่อเห็น พ่อก็จะไม่ได้อาบน้ำให้ ส่วนใหญ่จะเป็นแม่ เรื่องทานข้าวเรื่องอะไรก็จะเป็นแม่ซะส่วนใหญ่เพราะพ่อเขาทำงานไกล
แต่ก็จะมีการตกลงกันว่าถ้าวันไหนพี่กระแตเลิกงานก่อนก็จะเป็นคนดูแลหลัก แต่วันไหนถ้าเกิดว่าแฟนพี่เลิกเร็วเขาก็จะไปคอยรับลูกให้ พาลูกกลับบ้าน บางทีเสาร์อาทิตย์ไม่ว่าง พ่อเขาก็จะดูให้ ตกลงกันเป็นบางครั้งแต่เราไม่ได้วางแผนกันมาก่อนหน้า
พอมีลูกเราก็นึกย้อนกลับไปถึงแม่ มานั่งคิดว่าลูกเราปฏิบัติกับเราเหมือนที่เราปฏิบัติกับแม่เลย เรานึกถึงแม่ขึ้นมาทุกครั้งที่เขาทำอะไรแบบนี้ค่ะ เขาเป็นเด็กน่ารัก มีอะไรก็จะแบ่งปันให้พ่อกับแม่ตลอด เวลาได้ขนมมาก็จะขอครู 3 ชิ้นบอกจะเอามาให้พ่อกับแม่ด้วย เราดีใจนะที่เขานึกถึงเรา ผูกพันกับเรา มันก็เลยรู้สึกว่าเราไม่เหนื่อย ได้หอมแก้มกัน ได้คุยกัน ได้นอนคุยกันอะไรอย่างนี้ มันก็เป็นช่วงเวลา ที่รู้สึกว่าการมีลูกมันมีความสุขอีกแบบ แต่ชีวิตเปลี่ยนไปเยอะค่ะ ตอนเราไม่มีลูกก็จะใช้ชีวิตไปเที่ยว ไปไหนมาไหนด้วยกันสองคน แต่พอมีลูกทุกอย่างจะไปอยู่ที่ลูกหมดเลย ชีวิตความเป็นส่วนตัวของเรามันก็จะลดลง จากที่เราอยากไปเที่ยวไปนู่นไปนี่ หลังจากที่มีลูกชีวิตเราก็ไปโฟกัสให้กับลูก แต่เราก็ทราบอยู่แล้วนะ เคยเห็นคนอื่นที่เขามีลูกก็รู้ว่าชีวิตมันต้องเปลี่ยนไป จากรักสวยรักงามเราก็จะลดลงมาหน่อย เพราะเวลาก็น้อยลง ส่วนชีวิตการทำงานก็ยังเหมือนเดิม เรารับผิดชอบการทำงานและดูแลลูกไปพร้อมกันด้วยได้ มันก็ไม่ได้มีผลกระทบมาก มีแค่เล็ก ๆ น้อย ๆ เวลาลูกป่วยแต่เราก็ลาตามสิทธิ
พี่มีความฝันว่าถ้ามีเงินเก็บมากพอเราก็ไม่อยากทำงานประจำ เราอยากมีเวลาให้ลูก อยากจะพาลูกไปส่งโรงเรียน รับกลับบ้าน ได้ใช้เวลาด้วยกันเยอะมากกว่านี้ อยากมีกิจการเองเพื่อสนับสนุนให้เขามีความฝันที่ดีขึ้น เราอยากช่วยให้ความฝันเขาสำเร็จ บางทีเขาก็ฝันอยากเป็นครู อยากเป็นหมอ เราก็จะถามว่าหนูอยากทำอะไร หนูอยากเรียนพิเศษ หนูอยากเรียนนู่นเรียนนี่ เราก็ค่อย ๆ สนับสนุนความฝันเขาไป