“หญิงใดไม่ร้องไห้ขณะถูกไต่สวน หญิงนั้นย่อมเป็นนางแม่มด”
ข้อสันนิษฐานเบื้องต้นในยุคสมัยแห่งการล่าแม่มดเฟื่องฟู ที่พิพากษาหญิงหลายคนให้ถึงแก่ความตายอย่างโหดเหี้ยม ด้วยเหตุผลสองประการว่า ถ้าพวกเธอไม่ได้สร้างสิ่งเลวร้ายให้สังคม พวกเธอก็สร้างสิ่งที่มหัศจรรย์ใจเกินไป.ในช่วงต้นของการล่าแม่มดในยุโรป ผู้หญิงที่ไม่แต่งงาน หญิงโสด หญิงสูงอายุ เป็นหม้าย มักถูกต้องสงสัยว่าเป็น “แม่มด” จากคนในชุมชน เพราะพวกเธอมีวิสัยผิดจากความเป็นหญิง คือใช้ชีวิตได้ตามปกติโดยไม่มีผู้ชายคอยปกป้อง ผู้คนจะคอยจับตาดูการใช้ชีวิตของพวกเธอ และเมื่อเกิดเหตุร้ายในชุมชน เช่น พืชพรรณที่ปลูกไว้ล้มตาย น้ำนมแม่วัวลดน้อยลง มีโรคระบาดเจ็บป่วยเกิดขึ้น ไฟแห่งการล่าแม่มดก็ลุกโชนขึ้น
SPECTROSCOPE: “เผามันซะ นังแม่มด” เมื่อผู้หญิงโดดเด่น จึงเป็นภัย
ช่วงระหว่างปี ค.ศ. 1482-1782 ผู้คนนับแสนทั่วยุโรปถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ใช้เวทมนตร์คาถาและถูกทรมานให้รับสารภาพด้วยวิธีโหดร้าย และในจำนวนกว่า 50,000 คน ที่ตายจากการถูกเผาทั้งเป็น เพราะโทษฐานของการเป็นแม่มด จริงอยู่ว่า เรามี ‘พ่อมด’ อยู่ในประวัติศาสตร์ แต่โดยรวมแล้วประมาณสามในสี่ของคนที่ถูกตัดสินว่าเป็นแม่มด เป็นเพศหญิง อะไรคือเหตุสำคัญที่ทำให้ “ผู้หญิง” ทั้งหลาย กลายเป็นภัยคุกคามในสังคม จนต้องกวาดล้างครั้งยิ่งใหญ่ยาวนานกว่า 20 ปี
ก่อนการมาถึงของปีศาจวิทยา (Demonology) และคริสตศาสนา ‘แม่มด’ เป็นหนึ่งในความเชื่อตามศาสนาโบราณของมนุษย์ ผู้คนที่เรียกตัวเองว่าเป็นแม่มดนั้นไม่ได้มีความข้องเกี่ยวกับปีศาจหรือซาตาน และไม่ได้ชื่อว่าเป็นพวกนอกรีต แต่เชื่อว่าในธรรมชาติมีวิญญาณอาศัย ร่างกายและธรรมชาติเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เหล่าแม่มดจึงต้องปกปักษ์พิทักษ์ธรรมชาติ และเคารพบูชา นั่นทำให้แม่มดมีความเชี่ยวชาญเรื่องพืชพรรณ การเกษตรและสมุนไพร รวมถึงการรักษาโรค เพราะเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตตน เมื่อคริสตศาสนาเฟื่องฟูในยุโรป เทพเจ้าอื่นใดที่ผู้คนนับถือนอกจากพระเจ้าของศาสนาคริสต์ หากไม่กลายมาเป็นเทพองค์หนึ่งของพระเจ้า ก็ต้องเป็นมารและปีศาจ ฝ่ายตรงข้ามของพระเจ้า ซึ่งมีนักมานุษยวิทยาหลายคน ที่พบว่าเทพต่างๆ ของศาสนาดั้งเดิมของมนุษย์ ได้ถูกหยิบยืมมาแต่งเป็นตำนานในไบเบิลของศาสนาคริสต์ หนึ่งในนั้นคือการพยายามบอกว่า เทพีไดอาน่า หรือเทพีแห่งดวงจันทร์ ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของชาวบ้านในศาสนาโบราณ เป็น ราชินีแห่งแม่มด (Queen of Witch)
การปฏิเสธพระเจ้าองค์ใหม่ของกลุ่มผู้บูชาเทพ เทพี เหล่านี้เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้แม่มดตกเป็นผู้ร้ายของศาสนาผู้มาใหม่ ในนามพระเจ้าองค์เดียว นอกจากนี้ในช่วงยุคกลางที่ความรู้และวิทยาการถูกผูกขาดโดยผู้ชายที่เป็นนักบวช การที่ผู้หญิงมีความรู้เรื่องยาและสมุนไพร ตั้งตัวเป็นหมอยา อ่านหนังสือหรือเป็นครูอาจารย์ย่อมมีเหตุผลเดียวที่ทำให้พวกเธอเหล่านั้นเก่งทัดเทียมบรรดาชายสาวกของพระเจ้า คือการผูกมิตรกับซาตานเพื่อขอความรู้นั่นเอง
ในฐานะลูกสาวของ ‘อีฟ’ มนุษย์เพศหญิงคนแรก ที่ชักชวนให้อดัมกินแอปเปิ้ลและถูกขับออกจากเอเดน เพศหญิงจึงถูกมองว่ามีความชั่วร้าย ยั่วยวน เต็มไปด้วยตัณหา พวกเธอจึงสามารถร่วมประเวณีกับซาตานเพื่อแลกกับมนต์คาถาได้ง่าย และกลายเป็นแม่มดที่คอยชักจูงเพศชายให้ออกจากพระเจ้า นักบวชหลายคนอ้างว่าแม่มดทำให้พวกเขาฝันเปียก การบุกรื้อค้น ยึดทรัพย์ บ้านของผู้เป็นแม่มด ทรมานและประหารกลายเป็นอภิสิทธิ์ให้ผู้ชายสามารถกระทำเพื่อกลั่นแกล้ง ใส่ความหญิงที่ไม่เชื่อฟังทันที การล่าแม่มดยังถูกใช้เป็นเครื่องมือจำกัดศัตรูทางการเมือง เช่นกรณีของเซนต์โจนออฟอาร์ก หญิงที่กล่าวว่าได้รับคำสั่งจากฑูตสวรรค์ เพื่อช่วยมกุฎราชกุมารชาลส์ได้ขึ้นครองราชย์ ด้วยการร่วมรบในสงครามร้อยปี และที่ยุทธการที่ออร์เลอองส์ เธอนำทัพฝรั่งเศสมีชัยเหนืออังกฤษได้สำเร็จ แต่การที่เธออ้างว่าสามารถสื่อสารกับฑูตสวรรค์ได้นั้นสร้างผลเสียให้กับนักบวชในอุปถัมภ์ของ พระเจ้าชาลส์ ไม่นานเธอจึงถูกตั้งข้อหาแม่มดและถูกเผาทั้งเป็น.แอนนา กรีดี (Anna Göldi) แม่มดคนสุดท้ายที่ถูกประหารชีวิตในยุโรป เธอเสียชีวิตตอนอายุ 48 ที่สวิตเซอร์แลนด์ในปี 1782
ชะตากรรมของเธอคือการตอกย้ำความอยุติธรรมต่อผู้หญิงในนามของความศรัทธา แอนนาเกิดในครอบครัวที่ยากจน ลูกของเธอเสียชีวิตตั้งแต่เป็นทารกนั่นเป็นสาเหตุให้เธอถูกกล่าวหาว่าฆ่าลูกของตัวเอง และถูกตัดสินให้กักบริเวณเธอในบ้านของพี่สาวเป็นเวลา 6 ปี ดังนั้นเธอจึงหนีไปยังตําบลอื่น ที่นั่นเธอตระเวนหางานทำ และสมัครเป็นคนรับใช้ ในที่สุดเมื่ออายุ 40 ปี โยฮันห์ ยาคอป ฟอนชูดี้ (Johann Jakob von Tschudi) นักธรรมชาติวิทยา นักสำรวจ และนักการทูตชาวสวิส คือเจ้านายคนใหม่ที่เธอรับใช้
แอนนารับใช้ครอบครัวชูดี้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ทว่าความสงบสุขนั้นเปลี่ยนไปเมื่อลูกสาวของโยฮันห์กล่าวหาว่าพบเข็มหมุดในแก้วนมของตัวเอง และยังอ้างว่าตัวเองอาเจียนออกมาเป็นสิ่งของ ซึ่งล้วนเกี่ยวพันกับหน้าที่ความรับผิดชอบของแอนนาทั้งสิ้น เธอถูกกล่าวหาว่าเป็นคนสาปแช่งลูกสาวของโยฮันห์และถูกไล่ออกจากงาน ภายหลังเธอจึงเปิดเผยว่า โยฮันห์พยายามข่มขืนเธอ บางคนบอกว่าพวกเขามีความสัมพันธ์กัน และโยฮันห์ไม่ต้องการให้ชื่อเสียงของวงศ์ตระกูลต้องมัวหมอง และถึงแม้เธอจะออกจากตระกูลชูดี้ไปแล้ว เธอก็ยังคงถูกใส่ความจากตระกูลชูดี้อยู่ดี ว่าเป็นแม่มดที่สาปแช่งครอบครัวนั้น เพราะภรรยาของโยฮันห์เกิดล้มป่วยหลังจากนั้น แอนนาจึงถูกจับไต่ศาลขึ้นสวน ท่ามกลางพยานที่เป็นญาติๆ ของตระกูลชูดี้ ภายใต้การทรมานอันยาวนาน แอนนาทนความเจ็บปวดไม่ไหว เธอสารภาพว่าตัวเองเป็นแม่มด โดยการติดต่อกับปีศาจและร่ายคาถาสาปแช่งตระกูลชูดี้จริง แอนนาถูกตัดสินประหารชีวิตในข้อหาวางยาพิษในอาหารโดยใช้เวทมนตร์หลังจากนั้น แม้จะไม่มีหลักฐานใดเลยบอกว่าเธอทำจริง และไม่มีใครสนใจข้อกล่าวหาของเธอต่อโยฮันห์ผู้เป็นนายจ้างเลยแม้แต่น้อย
ในโลกที่กลับตาลปัตร แม่มดแห่งศตวรรษที่ 21 โลดแล่นบนกระแส POP Culture แม่มด-พ่อมด ผู้ใช้เวทมนตร์ กลายเป็นตัวละครอันเป็นที่รักครองใจผู้คน เป็นพรวิเศษที่เด็กๆ ใฝ่ฝัน คำว่า ‘Witch’ ไม่ถูกยึดติดกับสตรีเพศ แต่โอบรับมนุษย์ทุกคนที่ต้องการเชื่อมโยงตัวเองกับธรรมชาติเช่นในอดีต ศาสตร์แม่มด กลายเป็นอีกหนึ่งวิถีชีวิตที่ผู้คนยุคใหม่สมาทาน
โลกบอกว่ายุคสมัยแห่งการล่าแม่มดอันโหดร้ายนั้นจบสิ้นแล้ว แต่แน่ใจหรือว่าการตามล่า ประณามและลงโทษผู้หญิงที่ไม่เป็นไปตามบรรทัดฐานของสังคมจบลงตามไปด้วย ข่าวรายวันยังคงบันทึกรายชื่อผู้หญิงจำนวนมากที่เสียชีวิตเพื่อปกป้องสิทธิและศักดิ์ศรีของตนเอง
#WitchHunts #Witchcraft #History
Content by Pachcharaporn Supaphol
Graphic by ชนาธิป เรืองพูนวิทยา
อ้างอิง
Grin: https://bit.ly/3GhNHub
Historyextra: https://bit.ly/3I1Xndx
thecollector: https://bit.ly/3GhNJ5h
britanica: https://bit.ly/3PQxxLI
the culture trip: https://bit.ly/3GiD8qP
อัคนี มูลเมฆ. (2562). แม่มด ประวัติศาสตร์ไสยเวท. กรุงเทพ : ยิปซี กรุ๊ป
#SPECTRUM #พื้นที่ความคิดของทุกสีสัน
“กรุณาแสดงความเห็นอย่างสุภาพและสร้างสรรค์ ทีมงานสงวนสิทธิ์ในการลบหรือดำเนินการตามสมควร กับความเห็นที่สร้างความเกลียดชัง (hate speech) หรือละเมิดสิทธิของบุคคลอื่น”