ในโลกแห่งอัลกอริธึม เจ้าสาวยังคงกลัวฝน

- Advertisement -

ถอดแว่น VR สนทนากับ มะเดี่ยว – ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล รอบ ๆ เรื่องโลกและ AI ที่นับวันยิ่งฉลาดเพราะอยากให้เราโง่ลง

ภาพยนตร์ของ ‘มะเดี่ยว – ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล’ คือปรากฏการณ์

และปรากฏการณ์ล่าสุดของมะเดี่ยวคือ ‘ดิว ไปด้วยกันนะ’ (2562) หนังที่ย้อนยุคไปสู่ช่วงใกล้ ๆ Y2K เรื่องเล่าอันความรักอันลึกซึ้งที่แสนอันตราย ทั้งในพาร์ทของความรักของสองเด็กหนุ่ม และความรักของหนุ่ม(ใหญ่)สาว(น้อย) ที่ระเบิดกรอบคิดเรื่องความดีงามตามขนบจนออกจากโรงปุ๊บ ต้องหาที่คุยปั๊บว่าสิ่งที่ดูไปเมื่อกี้ มันคืออะไรกันแน่

แต่ไม่แน่ใจว่าผู้กำกับคนนี้ ชอบหรือไม่กับการที่ภาพยนตร์ของเขาเป็นปรากฏการณ์

“มันคือการถกเถียง เกิดบทสนทนา มันเป็นเรื่องที่ดีว่าหนังเรื่องหนึ่งสร้าง สร้างแล้วเกิดอิมแพ็คต่อกัน สนทนาอะไรใด ๆ ได้ แต่ว่าไอ้ที่เถียงกันเนี่ย ไปดูหรือยังก่อน บางคนก็เห็นว่ายังไม่ได้ดูเลย มึงเอาอะไรมาจับไม่รู้ ถ้าในมุมของคนทำนะ พี่ก็คงจะบอกว่าเรารู้ว่าเราทำอะไร แต่เราไม่มีโอกาสจะได้ไปบอกทุกคนหรอกว่าเราตั้งใจจะทำอะไร ดังนั้นก็ฟิลเตอร์สิ่งที่เรารับรู้มา พี่รู้จักผู้กำกับหลายคนที่อ่านอะไรนี้เยอะ ๆ แล้วจิตตก แล้วพาลจะเลิกทำเอา โดยเฉพาะรุ่นใหม่ๆ อย่างเรามันรุ่นกูไม่อ่านก็ได้ก็ แต่บางคนเขายึดติดยึดถือตรงนั้นอยู่ ในมุมของคนทำงาน เราก็บอกว่าเลือกแต่สิ่งที่เรารู้ว่าเราจะทำอะไร บางครั้งคนมาด่าเรามาว่าเรา เขามองในมุมของเขา เขาอาจจะไม่ผิด เราก็ไม่ผิด ดังนั้นอย่าไปถือโทษโกรธกัน”

แต่ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ 4 ปีผ่านไป ‘มะเดี่ยว – ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล’ ก็กลับมาอีกครั้งกับภาพยนตร์ ‘Mondo’ อ่านว่ามอนโด แปลว่าโลก และในโลกใบนี้ของ ‘มะเดี่ยว ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล’ ว่าด้วยความสัมพันธ์ของผู้คนที่โยงใยกันด้วยอดีต ปัจจุบัน และอนาคต โดยมี ‘เอไอที่ชื่อเมบอต’ เป็น… เป็นอะไรนะคะ

- Advertisement -

“เม-บอต ก็เหมือน ChatGPT แหละ หนังทำเสร็จก่อน ChatGPT จะปล่อยนะ แต่เรารู้ว่ามันจะมีอะไรนี้มาออกมาอยู่แล้ว มีมาสักพักนึงแล้วล่ะ”

ถ้าพูดแบบนั้นแล้ว จะเรียกว่าเม-บอตนี่เป็นหมอดูของยุคสมัยได้ไหม เป็นที่พึ่งทางใจของตัวละครในเรื่องนี้ได้หรือเปล่า

“คุณไปเชื่อหมอดู อาจจะถูกตีตราว่างมงายเชื่ออะไรไม่เป็นเหตุผล แต่ถ้าคุณเชื่อบอต บอตมันรู้ข้อมูลของคุณ บอตมันเคยรู้จากการตัดสินใจอะไรของคุณ การตัดสินใจพื้นฐานมาจากข้อมูลกับตัวคุณเอง มันก็ดูเป็นเหตุเป็นผลกว่าใช่ไหม ดังนั้นนางก็เชื่อสิ ทุกวันนี้การตัดสินใจของเราก็ถูกควบคุมไปด้วยอีเอไอที่มันรันเบื้องหลังของแอปพวกนี้มาตั้งนานแล้ว จริง ๆ แล้วคุณอาจจะไม่ได้เห็นด้วยทั้งหมดกับความเคลื่อนไหวในกลุ่มนี้ แต่เราอาจจะต้องลงสักหน่อย เดี๋ยวเราจะโดนทัวร์ลง มันเป็นมาตั้งนานแล้ว”

Mondo เป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร ?

“มอนโดเป็นหนังสำหรับครอบครัว มีทั้งคนแก่และเด็กอยู่ในโปสเตอร์ นั่นแปลว่าทุกคนดูได้ เป็นหนังสำหรับทุกเพศทุกวัยมี LGBTQ+ มีชายจริงหญิงแท้ MONDO เป็นเรื่องของผู้หญิงที่มีอาชีพเป็นยูทูบเบอร์ ในวัยใกล้ๆ 30 เราว่าทุกคนในวัยนี้น่าจะมีประสบการณ์ว่าเราจะต้องเลือกโฟกัสกับงานเพื่อความรุ่งโรจน์ในอาชีพ หรือความรัก กูจะมีผัวไหม กูจะมีเมียไหม ไม่รู้จะได้แต่งงานไหม พ่อแม่ก็เริ่มเกษียณกันบ้างแล้ว เพราะคนรุ่นนี้พ่อแม่มักจะมีลูกช้าหรือพ่อแม่เริ่มป่วย เพื่อนฝูงได้ดิบได้ดีแล้วเราจะยังไง ทุกคนจะมีอะไรไม่รู้เต็มไปหมดเลย แล้วถึงจุดหนึ่งต้อง ต้องเลือกว่าจะแต่งงานกับแฟนหรือไม่ แล้วมันมีเอไออัจฉริยะแสนรู้ที่จะมาช่วยคุณเลือก ทีนี้นางก็ลองใช้ดู ปรากฏว่ามันก็ทำให้ไปเจอการตัดสินใจของนาง ทำให้นางก็เปลี่ยนแปลงชีวิตนางไปหลายเรื่อง”

ทำไมมะเดี่ยว ชูเกียรติถึงอยากเล่าเรื่องของผู้หญิงที่ไม่อยากแต่งงาน

“เราอยากเล่าผ่านผู้หญิง เพราะชีวิตคนรอบข้างเรามีแต่ผู้หญิงทั้งนั้นเลย แต่ภาพออกมาในผู้ชายเต็มออฟฟิศเลยนะ น่ารำคาญมาก (หัวเราะ) แต่กับเพื่อนสนิทเป็นผู้หญิงหมดเลย เวลาเราไป Hang out ส่วนใหญ่ก็จะเป็นผู้หญิงแล้วก็จะแชร์ประสบการณ์ จริง ๆ แล้วคนที่อยากแต่งงานมันจะเป็นผู้ชายนะ ทุกวันนี้ผู้หญิงไม่ต้องแต่งงานก็ได้ แต่งแล้วยังไง แต่งแล้วไปเป็นสะใภ้ในบ้านคนจีน แต่ถามว่ารักไหม ก็รัก แต่มุมมองมันก็ต่างกัน ส่วนผู้ชายอยากแต่ง พอแต่งแล้วก็จะต้องการคู่ชีวิตต้องการคนดูแล ไอ้คำนี้แหละ ต้องการคนดูแล ซึ่งผู้หญิงหลาย ๆ คนก็จะรู้สึกว่าไม่ กูไม่ได้แต่งงานไปดูแลใคร แต่ชายแท้หลายคน รุ่นน้องที่ออฟฟิศเป็นผู้ชายหมดเลย แล้วแอดติจูดจะคล้าย ๆ กันหมด

ตัวละครยี่หวาเอง กังวลในประเด็นที่ไม่ต่างจากคนทั่วไปคิดเลย ว่าบ้าน Traditional สะใภ้จีน หัวโบราณขนาดนี้ ก็จะถูกคาดหวังว่าจะต้องออกจากบ้าน ไปปฏิบัติหน้าที่สะใภ้ที่แสนดี เพราะว่าอย่าง ‘พี่ต๊ง’ ตัวละครที่เป็นสะใภ้ในบ้านนะ เขาเห็นตัวละครนี้เป็น Role Model เห็นพี่ต๊งแล้วใครจะไปอยากอยู่ นึกออกไหม แต่คนรุ่นนั้นเขาก็อยู่กันแฮปปี้ ไม่ได้รู้สึกว่าถูกกดทับแต่อย่างใด”

มันตลกร้ายนิดนึงที่ผู้หญิงต้องเลือกระหว่างความรักกับชีวิตส่วนตัว และคุณมะเดี่ยวก็พูดถึงประเด็นนี้ตรง ๆ ด้วยเพราะ ‘ยี่หวา’ ทำช่องท่องเที่ยวชื่อ โสดไปไหน ส่วนนี้มันสำคัญยังไงคะ

“จริง ๆ ยูทูบเบอร์หญิงทั้งหลายก็ไม่เปิดตัวแฟนกันนะ แต่สังเกตดู ผู้ชายจะชอบหนีบแฟนไปออกรายการด้วย แต่ผู้หญิงถ้าเป็นเดี่ยวจะไม่ค่อยเอาแฟนออกกล้อง เพราะว่าเค้าคือไอดอลของผู้หญิงในเจเนอเรชั่นนี้ที่ไม่ต้องพึ่งพาใคร ผู้หญิงปัจจุบันนี้โสดกันเยอะ แล้วเขารู้สึกว่าความโสดมันคือความสตรอง มันคือความพึ่งพาตัวเองได้ เขาเลยก็ต้องการมีไอดอลที่จะยึดเหนี่ยวว่า โอเคเขาจะเป็นคนนั้น”

เหมือนความขัดแย้งใหญ่จะเป็นเรื่องงานกับความรักที่ยื้อแย่งเราอยู่ ซึ่งเราเองก็มีเวลาจำกัดแค่ 24 ชั่วโมงต่อวัน สำหรับคุณมะเดี่ยวมองเรื่องนี้ยังไง คิดว่า ‘งาน’ กับ ‘ความรัก’ ไปด้วยกันได้หรือเปล่า

“ไม่ได้ มักจะไม่ค่อยได้ เว้นแต่ว่าเราจะมีแฟนที่ทำงานอยู่ด้วยกัน แต่นั่นก็ยิ่งไปกันใหญ่ บางทีมันจะไม่ได้แยกกันแล้วมันจะมีประเด็น”

“ทุกวันนี้งานมันเรียกร้องความสามารถและการทุ่มเทจากพวกคุณสูงมาก มันไม่มีงานไหนง่ายแล้วสบาย ๆ เลย ยิ่งงานที่ยี่หวาทำ การเป็นยูทูบเบอร์ การที่มีตัวเลขเป็น KPI ตลอดอย่าง คุณรู้ไหมว่าถ้าใครมาบอกว่าพี่อยากเป็นยูทูบเบอร์ อยากเป็นติกตอกเกอร์ มึงอย่า เอาจริง ๆ มันต้องการเวลาในชีวิตมึงเยอะมาก บางคนไม่รู้นะว่า อ๋อ ก็ทำคลิปลงสบาย ๆ  แต่คุณอาจจะต้องมีสามคลิปต่อสัปดาห์เพื่อที่จะทำให้ช่องคุณน่ะถูกแนะนำขึ้นไปนะ เอาเรี่ยวแรงไหนมาทำ แล้วอย่างอื่นในชีวิตคุณล่ะ แม่งเป็นอย่างนั้นจริง ๆ นะเว้ย มันมีช่วงหนึ่งก็ผันตัวไปเป็นทำยูทูบกัน โอ้โฮ ถ้ามันจะขึ้น เราต้องคิดคลิปลงตลอดเวลา แล้วเวลาที่เราจะไปทำอย่างอื่น ไม่มีนะ พี่ไปแฮงเอาท์กับพวกยูทูบเบอร์ สิ่งที่คิดคือไปเที่ยวกันไม่ได้ไปนั่งเย้ ๆ เฮ้ย ตรงนั้นสวยเดี๋ยวจะไปถ่าย  ตรงนี้ต้องถ่ายคลิปเล็กคลิปน้อยลง ยิ่ง TikTok นี่ไปกันใหญ่เลยนะ มันต้องถี่มากเลย ข้อห้ามกฎระเบียบหยุมหยิม แล้วมึงจะประสาท  สรุปคุณก็ไม่ได้เป็นตัวของตัวเอง คุณทำเพราะว่าคุณอาจจะแฮปปี้กับตัวเลขที่มันขึ้น หรือว่าเงินมันเข้ามา แน่นอนในอาชีพอย่างนี้คุณไม่มีทางสานสัมพันธ์ที่ Healthy กับใครได้”

“อันนี้อาจจะอาจจะผิดก็ได้นะ แต่เท่าที่เจอมาก็ Unhealthy กันหมด คู่ชีวิตที่เข้าใจก็เป็นจุดหนึ่งที่ว่าทุกวันนี้ก็หาได้ยาก เพราะคนมันเติบโตมาในระบบที่เราคิดว่าเอาตัวเราเป็นศูนย์กลางก่อน เราทำเพื่อความสุขของเรา ทำเพื่อสิ่งที่เราพอใจมาก่อน แต่ความรักมันไม่ได้เป็นเช่นนั้น ความรักมันไม่ได้ทำเพื่อให้เราพอใจ มันทำเพื่อให้เราคนสองคนน่ะไปอยู่ด้วยกันได้ และในโลกปัจจุบันที่ว่า เบื่อ กูแชทคุยกับคนอื่นดีกว่า มันทำให้สิ่งเหล่านี้มันเปราะบางลง มันไม่มั่นคงเหลือเกินนะ”

“การที่คุณค้นหากันเจอ นั่นคือเรื่องที่โชคดีที่สุดแล้วนะสำหรับพี่ ถ้าคุณค้นหาคนที่เข้าใจในชีวิตคุณเจอ คุณมีงานที่พอจะมีเวลา ว่างให้คุณไปเป็นอย่างอื่นได้นอกจากหนูถีบจักรในที่ทำงาน นั่นคือเป็นจุดที่อยู่ที่ชีวิตมันจะดีแล้วนะ แต่มันก็หายากเนาะ”

สำหรับคนทำหนังที่อาจจะต้องลงทุนและคิดรอบคอบ ตัวเลข KPI อัลกอริธึมส่งผลยังไงบ้าง

“ตอนนี้มันไม่มีความเชื่ออะไรแล้วนะ ทุกวันนี้ก็เคยเชื่อว่าจะขายได้แล้วขายไม่ได้ก็มีนะ เออทุกวันนี้วงการหนังพี่บอกเลยว่า struggle กันมากกว่าว่า ขอโทษนะ สูตรเหี้ยไรก็มันเหมือนจะได้มันก็ไม่ได้ ไอ้ที่ว่าไม่ได้ อ่าวได้ แต่ตอนนี้ไม่ค่อยมีที่จะฟลุ๊คแล้วปรากฏไม่ได้ก็ไม่ได้ก็น่วมกันทั้งวงการเลยอะไรอย่างงั้น ก็เลยทำหนังนี้นะฮะอยากทำอะไรเราก็ทำ แค่นั้นเลย”

“การทำหนังแม่งอยู่บน Data มากก็ไม่ได้ และเรายังเชื่อในสัญชาตญาณกันอยู่ สุดท้ายหนังก็เป็นเรื่องสัญชาตญาณ แล้วก็เคยเห็นค่ายที่เขาไปเอาข้อมูลอะไรไม่รู้มาเยอะแยะ แล้วมันก็ไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์”

เม-บอตหรือเอไอช่วยอะไรคนทำหนังได้ไหม?

“เราก็ใช้ประโยชน์จากมันแหละ แต่เรื่องอื่นที่มันเป็นเรื่องงานโครงสร้าง งานอะไรที่มันไม่ได้ส่งผลทางอารมณ์ต่อมนุษย์อ่ะ พวกมันทำได้ดี แต่ถ้าเป็นประเด็นหรืออะไรที่มันจะส่งผลต่อความรู้สึกนึกคิดของคน มันคงต้องเป็นมนุษย์ด้วยกันที่ต้องมาคิดอยู่ เพราะจริง ๆ เราก็เป็นเจ้าแรก ๆ เหมือนกันที่ลองใช้เอไอเข้ามา เข้ามาช่วยงานครีเอทีฟ แล้วก็พบว่างานขึ้นโครงสร้าง งานสร้างทางเลือก งานหาข้อมูล งานที่ว่าทำให้ห้องไม่เงียบ มันก็ทำให้เราได้ดี ดีกว่าคนอีก คนพวก Junior Writer จะต้องเครียดแล้วนะ เพราะไอ้พวกนี้มันทำได้ดีกว่า สำเร็จรูปกว่า ในราคาเดือนละ 600 กว่าบาท แต่แล้วคนรุ่นหลัง ๆ เรามันจะอยู่ยังไง”

“แต่เช่นงานของคุณ คุณเขียนสคริปต์มาสัมภาษณ์ มันยังไม่รู้จักเรา เราเคยถามชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุลคือใคร เอไอบอกเป็นทหารที่มีบทบาทในการช่วยเหลือราชวงศ์เมื่อสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ก็เชื่อมันมากไม่ได้ถูกปะ มันก็หลอนข้อมูลขึ้นมา คือมันถูกเทรนให้ตอบ ห้ามเงียบ ห้ามตอบว่าไม่รู้ นึกออกปะ ความเหี้ยของมันอยู่ตรงนี้ ฝรั่งเขาเลยบอกว่ามันมีความ Hallucination ของข้อมูลอยู่ แต่การตอบของมันอะมันอกมั่นใจมาก ดังนั้นมันอาจจะผิดก็ได้นะเว้ย”

เรามีทางเลือกไหมในยุคที่เทคโนโลยีมันเป็นทุกสิ่งทุกอย่าง

“ทุกอย่างมันอยู่ในกำมือของคนสร้างมันขึ้นมา นั่นแหละนั่นคือตัวท็อปสุด ที่มาร์คเอย อีลอนเอย ใครก็ไม่รู้ที่ทำติ๊กตอก มันคือกลุ่มทุนที่ไปลงทุนทำไอ้นั่น แล้วเขาอยากเห็นตัวเลขเขาเติบโต เขาก็บอกว่าคุณเป็นครีเอเตอร์ แต่จริง ๆ คุณเป็นหน่วยที่ปั่นตัวเลขให้เขาขายโฆษณาเท่านั้นเอง พี่ไม่รู้จะพูดยังไงดี ไม่รู้จะเชยหรือเปล่า สุดท้ายอาจจะต้องเปิดเว็บเองแล้วสร้างคอมมูนิตี้ของตัวเองไหม พี่ว่าถึงจุดหนึ่งคนอาจจะตาสว่าง ลุกขึ้นพอแล้ว! ไม่เอาแล้วการผูกขาดมีเดียสายนี้ของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ มันอาจจะเป็นไปได้มั้ง แต่ถ้าเกิดคอนเทนท์คุณยูนีคจริงๆ แล้วคนอยากจะมามีเอ็นเกจเมนต์กับมันจริง ๆ การสร้างแชนแนลของตัวเองแพลตฟอร์มใหม่ขึ้นมาของตัวเอง ก็อาจจะเป็นไปได้”

แล้ว ‘ยี่หวา’ หรือคนอย่างเราจะเอาตัวรอดยังไงในสภาพที่ถูกอัลกอริธึมคอยชี้นำแนวทางให้

“เราลองจินตนาการถึงโลกที่ว่าทุกคนรู้ตื่นรู้กันแล้วว่า อ้าว แท้จริงแล้วว่าคุณเป็นฟันเฟืองหนึ่งที่ทำให้ระบบนี้มันโตขึ้นใหญ่ขึ้นใหญ่ขึ้นจนผูกขาด แล้วมันก็เอาข้อมูลเอาอะไรต่าง ๆ ของคุณไปใช้ประโยชน์ต่างต่างนานา สิ่งที่คุณสูญเสียคือความเป็นส่วนตัว สูญเสียการคิดและการตัดสินใจด้วยตัวเอง คุณสูญเสียความเป็นตัวของตัวเองโดยที่คุณไม่รู้ตัวเออแล้วมันอาจจะย้อนกลับมาอีกว่าการที่ว่าเราอาจจะต้องการการปฏิสัมพันธ์กันในรูปอนาล็อกหรืออื่นๆอีกไหมเพราะ แต่นั่นก็เป็นจุดที่ผู้มีอำนาจหรืออะไรหรือรวมกันอ่ะ ทั้งผู้มีอำนาจของสาย Tech และทางสังคมอ่ะ เขาก็อยากให้เราโง่ลง เขาก็อยากให้เราจดจ่ออยู่กับอะไรพวกเนี้ยแล้ว แต่ก่อนเนาะมันมันเริ่มต้นด้วยกันที่ว่าเราสามารถควบคุม แต่ก่อนถ้าเราจะทำสื่อ เราอาจจะต้องไปคุยกับสถานีโทรทัศน์ ไปคุยกับอื่นใด ตอนนี้เรามีช่องทางของตัวเองแล้วเข้าใจว่าเราเราฟรีจากข้อจำกัดต่างๆ แต่ไปๆ มาๆ โลกมันมาถึงจุดที่ จริงๆ เราไม่ฟรีแล้วเว้ย เออจริงๆแล้วเราต้องทำตาม ถามว่าวิ่งตามอัลกอริทึมมันดีไหม ถ้ามันเป็นงานของเรา เอ่อ มันก็คงดีแต่พี่ก็จะ Remind ถึงทุกคนว่า เราควบคุมอะไรไม่ได้ แล้วที่ไปเจอครีเอเตอร์ท่านหนึ่ง ทำเขาเวลาเขาได้เขามีรายได้จากตรงนี้เดือนละเป็นล้าน ส่งลูกน้องนั่นนี่โน่นแล้วก็มีการไปผิดกฎอะไรก็รู้ของคอมมูนิตี้ จากล้านหนึ่งคือศูนย์บาทเลยนะ ไม่ได้อะไรเลย แล้วก็ โอ้โฮ ชีวิตมันแย่มากเลยนะ แล้วมันไม่บอกด้วยนะว่าผิดเรื่องอะไรคุณรู้อยู่แล้วว่าผิดเรื่องอะไร อันนี้ของเฟซบุ๊ก เฟซบุ๊กกวนตีนเอาจริงๆ ติดต่อไม่ได้ ทำผิดกฎอะไร กฎตรงไหนมึงก็บอกมาสิ ทำยูทูบยังบอก เออถ้าติ๊กตอกแบนเลยไม่ได้ขึ้นตั้งแต่แรก ปวดหัวไหมละ”

“ต้องไปดูในหนังว่าการตัดสินใจของเขา มันตื่นรู้ในเรื่องอะไร เขาเบรกออกจากเมทริกซ์ได้ไหม”

แต่ไม่ว่า ‘ยี่หวา’ จะมีทางออกอย่างไรในภาพยนตร์ Mondo ที่จะเข้าฉาย 10 สิงหาคมนี้ บทสนทนาว่าด้วยการโยงใยด้วยอัลกอริธึมก็จริงและเจ็บเสมอสำหรับคนวงการสื่อที่ต้องหวังพึ่งพาแพลตฟอร์มที่เปลี่ยนแปลงบ่อยเสียยิ่งกว่าอากาศ แต่ไม่ว่าจะเผชิญอุปสรรคแค่ไหน หิวเอนเกจมากเท่าไร มะเดี่ยว ชูเกียรติก็ยืนยันว่าเรายังต้องมีความรับผิดชอบต่อมวลชนเสมอ

“ถ้าเป็นแต่ก่อนนะ สมัยพี่เริ่มทำหนัง 20 กว่า ๆ พี่บอกไม่ต้องรับผิดชอบอะไร ทำไปเลย ทำอย่างที่อยากจะทำ เราเป็นคนทำงาน เราไม่ต้องรับผิดชอบอะไรกับใคร แต่พอเราตอนนี้ 40 ละ เราเห็นเพื่อนมีครอบครัว มีลูกมีเต้า เราเห็นคนที่มันเลียนหนังแล้วไปทำอะไรโง่ ๆ มันก็มี มีจริง ๆ นะเว้ย เราเห็นเด็กแม่งเรียนคำพูดจากละคร แล้วมาเถียงพ่อเถียงแม่อะไร หรือเห็นทัศนคติบางอย่างที่ถูกแพร่ไปในสื่อแล้วมันทำให้เกิด Mindset ที่ผิด ๆ หรืออาจจะทำให้คุณเข้ากับสังคมได้ยาก ก็จะรู้สึกว่าก็มีส่วนที่ต้องรับผิดชอบกับสิ่งเหล่านี้ส่วนหนึ่ง เพราะว่าเราผ่านว่าคนที่เดินมาเจอเราแล้วว่าพี่ชอบหนังเรื่องนี้มากเลย มันเปลี่ยนแปลงชีวิตผมนะ เรารู้สึกว่าอิมแพคของหนังมันมีมากกว่าที่เราคิด แล้วถ้าเราจะทำอะไร ต่อจากนี้เราก็รู้สึกว่า เราควรจะมีความรับผิดชอบต่อส่วนรวมมากขึ้น อันนี้ส่วนตัว แต่ถ้าเกิดใครจะคิดเป็นอื่นพี่ก็ไม่ติดอะไร เพราะบางคนเขาก็มองว่านี่งานของเขาคือศิลปะ คืออาร์ต คือสิ่งที่เราจะแสดงอะไรออกมา เขามีเจตนาที่จะสะท้อนประเด็นต่างๆ ในสังคม เขามีเจตนาอย่างนั้น เราก็ไม่ว่ากัน”

- Advertisement -
Ms. Satisfaction
Ms. Satisfaction
Since it opened my eyes. I can't stop me, can't stop me, can't stop me