- Advertisement -
SEXOLOGY: นี่คือจิตวิทยาการถูกปลุกเร้าอารมณ์ทางเพศของมนุษย์สิ่งที่ไม่ใช่เรือนร่าง เพราะหลายๆ คนนั้นมีความรู้สึกทางเพศจากสิ่งกระตุ้นเร้าจาก ‘Fluid’ ของเหลวในร่างหาย ไม่ว่าจะเป็น น้ำลาย น้ำมูก น้ำนม เหงื่อ ปัสสาวะ อุจจาระ เลือด น้ำอสุจิ ซึ่งกลายมาเป็นองค์ประกอบเพื่อเพิ่มความ ‘ตื่นเต้น’ ทางเพศได้หมดซึ่งแตกต่างกันไปแต่ละคน
แม้หลายอย่างยังหาข้อพิสูจน์ได้ไม่แน่ชัดในปัจจุบัน เนื่องจากทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับประสบการณ์ที่แต่ละปัจเจกบุคคลเคยพบเจอ ทั้งทางเพศหรือไม่ก็ตาม อย่างบางคนอาจ ‘ตื่นเต้น’ เมื่อได้ทำในส่ิง ‘ต้องห้าม’ เช่นการใช้ปัสสาวะหรืออุจจาระที่เป็นสิ่งปฏิกูลมาใช้เป็นเครื่องมือในเซ็กซ์ อาจเป็นผลมาจากความรู้สึกที่ว่า ‘ยิ่งห้ามเท่าไหร่ ก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้นเมื่อได้’ หรือบางคนอาจถูกกระตุ้นจากความรู้สึกว่าสิ่งนี้เป็น ‘อันตราย’ ต่อชีวิต เพราะมันทำให้ความรู้สึกทางเพศเข้มข้นขึ้นจากการหวนกลับไปคิดถึงการมี ‘ชีวิต’ อยู่
วันนี้ Sexology by Spectrum เราเลยจะชวนให้ทุกคนมาอ่านเรื่อง 8 ความคลั่งไคล้ใน ‘สิ่งที่ไม่ใช่เรือนร่าง’ ที่ไหลออกมาจาก ‘ร่าง’ ของเรา
“เป็นเรื่องแปลกไหมที่จะรู้สึกกระตุ้นเร้าจากกลิ่นเหงื่อของเพศตรงข้าม? มันดูเป็นเรื่องแปลกแต่ผมคิดว่ากลิ่นเหงื่อโดยเฉพาะใต้รักแร้ของแฟนสาวนั้นกระตุ้นเร้าอารมณ์อย่างมาก รวมไปถึงกลิ่นเท้าของเธอในวันร้อนๆ อีกด้วย ผมยอมรับว่าผมมีเฟติชเท้า แต่ผมกำลังคาดเดาว่า ผมอาจตื่นเต้นจากฟีโรโมนหรืออย่างอื่นด้วยรึเปล่า” – ตัวอย่างบนออนไลน์
เหงื่อกลายเป็นสิ่งที่กระตุ้นเร้าให้กับใครหลายๆ คนได้ จนกระทั่งตลาดเฉพาะสำหรับผู้มีเฟติชเหงื่อ อย่างการขายของที่เกี่ยวข้อง และเว็บไซต์ออนไลน์ที่พูดถึงเฟติชเหงื่อโดยเฉพาะ ทว่าก็ยังมีคนสงสัยว่าการกระตุ้นเร้าจากเหงื่อเป็นเรื่องที่สมควรหรือไม่ “ฉันไม่อยากโดนตัดสิน แต่ไม่รู้ว่าเหตุผลอะไรทำให้ฉันรู้สึกดึงดูดกับเหงื่อ มันทำให้ฉันตื่นเต้นทางเพศ ยิ่งการได้กลิ่นมันยิ่งทำให้ฉันรู้สึกกระตุ้นเร้าอย่างรุนแรง ฉันชอบที่จะเลียส่วนที่มีต่อมเหงื่อในร่างกายมนุษย์ เรื่องแบบนี้ถือว่าผิดหรือไม่?” อีกหนึ่งความเห็นบนออนไลน์
ในความเป็นจริงก็เคยมีข่าวอย่างนี้อยู่เหมือนกัน โดยปี 2008 หนังสือพิมพ์ ‘Japan Today’ ได้รายงานข่าวเกย์วัย 22 ปี ที่ถูกจับหลังจากขโมยเงินและอุปกรณ์เครื่องเล่นจากล็อกเกอร์ของสโมสรฟุตบอลในโอซาก้าและนาราเป็นระยะเวลาสี่เดือน ปรากฎว่าสาเหตุที่แท้จริงของการขโมยนั้นคือความชื่นชอบในชุดกีฬาและชุดชั้นในของนักกีฬาชายที่มีกลิ่นเหงื่อ อาจเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่ทำให้เห็นว่ามีคนที่ ‘เฟติชเหงื่อ’ ในระดับที่เป็นปัญหาอยู่เหมือนกัน
ทว่าอย่างไรก็ดี เช่นเดียวกับอีกหลายๆ เฟติชและพฤติกรรมทางเพศที่ไม่เป็นไปตามขนบคืองานวิจัยและงานเขียนทางวิชาการของเรื่องนี้ค่อนข้างหายาก
อ้างอิง
Mark Griffiths: https://bit.ly/2MdFcHu
ภาพ: https://bit.ly/3t834g7
- Advertisement -
ความสุขทางเพศของบางคนอาจมาจากการแค่เห็น ‘ฉี่’ ก็ได้ ‘Havelock Ellis’ นักเพศวิทยาชาวอังกฤษนั้นพบว่าตัวเองรู้สึกกระตุ้นเร้าทางเพศจากการเห็นผู้หญิงกำลังปัสสาวะ หลังจากที่เข้าใจว่าตัวเองเสื่อมสมรรถภาพทางเพศมาตลอดจนกระทั่งอายุ 60
การที่ปัสสาวะเป็นส่วนหนึ่งในการกระทำทางเพศไม่ใช่เรื่องแปลก หลายๆ ครั้งอาจเกิดจากความไม่ได้ตั้งใจ ในงานวิจัยอันหนึ่งพบว่า 24% ของผู้หญิงปัสสาวะโดยไม่ได้ตั้งใจระหว่างเข้าด้ายเข้าเข็ม โดย 66% จากกลุ่มนั้นมีปัสสาวะไหลออกมาระหว่างการสอดใส่ ขณะที่ 33% เกิดจากการถึงจุดสุดยอด โดยในบทความจากวารสารจิตเวชแคนาดาปี 1982 พบว่า ปัสสาวะมีการใช้งานได้หลายแบบ 1. กระตุ้นเร้าทางเพศโดยเฉพาะ 2. การดูแคลน หรือ ถูกดูแคลน จากการฉี่บนคู่หรือถูกฉี่ราดใส่ 3. การเผยสปิริตของคู่นอน โดยจากบทความเสนอว่า ปัสสาวะในเซ็กซ์นั้นเป็นไปเพื่อ ‘ซาโดมาโซคิสม์’ เสียมากกว่า
ปัสสาวะกับชุมชน BDSM – ในกลุ่ม BDSM จะอ้างถึงคนที่ชื่นชอบให้ตัวเองเต็มไปด้วยฉี่ของคู่ว่า ‘โถส้วมมนุษย์’ หรือแม้กระทั่งในความสัมพันธ์ดอม-ซับ คนที่เป็นดอมอาจปัสสาวะใส่คู่ตัวเองเพื่อแสดงอำนาจที่เหนือกว่า เนื่องจากปัสสาวะสัมพันธ์กับความสกปรก เป็นของเสียจากร่างกายทำให้การแสดงออกด้วยการราดใส่คู่นั้นข้องเกี่ยวกับ ‘อำนาจ’ เกี่ยวกับ ‘การเหยียดหยาม’ ซึ่งจะทำให้ผู้ที่ถูกฉี่ใส่นั้นแสดงออกถึงความอ่อนแอ ภาพที่คู่เปียกนั้นอาจแสดงถึงความสกปรกน่ารังเกียจซึ่งทำให้คนที่เป็นดอมรู้สึกถึงอำนาจที่ตัวเองมีซึ่งอาจเป็นสิ่งกระตุ้นเร้าของเขา
BDSM กับ ‘Omorashi’ – ‘Omorashi’ เป็นอีกวิธีการหนึ่งที่กลุ่ม BDSM นำมาใช้ร่วมกับการฉี่ กล่าวคือ Omorashi คือการควบคุมการเข้าห้องน้ำ โดยที่ดอมจะยอมหรือไม่ยอมให้ซับเข้าห้องน้ำจนกว่าจะปวดปัสสาวะมากๆ หรือสุดท้ายต้องปล่อยให้ราดตัวเอง ในบางครั้งการอั้นฉี่ก็ทำให้เกิดการกระตุ้นเร้าทางเพศ โดยการ Omorashi นั้นแบ่งย่อยหลากหลายในญี่ปุ่น ไม่ว่าการ ‘ฉี่ราดในที่สาธารณะ’ ‘การใช้ผ้าอ้อม’ ‘การฉี่ราดกระโปรง’ หลายคนแค่มองเห็นฉี่ก็รู้สึกตื่นเต้นและกระตุ้นเร้าอย่างมาก โดยมากจะเห็นตามภาพยนตร์โป๊ญี่ปุ่น
ทำไมปัสสาวะถึงเป็นเฟติชของหลายๆ คนได้ ? – เรื่องเฟติชนั้นมีข้อถกเถียงกันอย่างมากในวงการจิตวิทยาที่ยังหาข้อสรุปไม่ได้ ในส่วนของเฟติชปัสสาวะนั้นมีงานวิจัยปี 2016 เผยว่าเฟติชที่เราพบเห็นอย่างทั่วไป อย่างเช่น ‘เฟติชเท้า’ นั้นก็อาจมีส่วนมาจากพื้นฐานทางระบบประสาท เพราะเท้าก็เป็นส่วนที่มีเส้นประสาทซึ่งเชื่อมต่อไปยังสมอง ในบางทีการทำงานบางอย่างอาจไปทำให้ปลุกเร้าอารมณ์ทางเพศและมักจะเกี่ยวข้องกับคอนเซปต์ที่เรามีต่อร่างกายของเราเอง แม้จะยังมีข้อถกเถียงที่รอการพิสูจน์ แต่ก็เป็นไปได้ที่การกระตุ้นเร้าจากกิจกรรมบางอย่างอาจเป็นเรื่องของทั้งระบบประสาทและกลไกทางจิตวิทยา นั่นก็เป็นข้อพิสูจน์ที่อาจไปได้ที่ทำให้บางคนชอบปัสสาวะระหว่างการมีเซ็กซ์
ไม่เพียงแค่นั้น อาจเป็นเพราะความรู้สึกที่ว่าปัสสาวะเป็นสิ่งสกปรก ทำให้สิ่งนี้กลายเป็น ‘เรื่องต้องห้าม’ เหมือนกับ ‘เซ็กซ์’ เองที่บ่อยครั้งศาสนาจะมองว่าสิ่งนี้เป็นเรื่องที่ไม่สมควร ‘เป็นสิ่งสกปรก’ และคอยพยายามกดให้คนเชื่อว่า คนที่ไม่มีความต้องการทางเพศนั้นคือคนที่เป็นคนสมบูรณ์ที่สุด ทำให้ปัสสาวะซึ่ง ‘สกปรก’ อยู่กับเซ็กซ์ได้อย่างไม่เคอะเขินราวกับว่ายิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ
อ้างอิง
Wikipedia: https://bit.ly/2Mi20Wq, https://bit.ly/2MzxiIe, https://bit.ly/3r0dcFT
Bustle: https://bit.ly/3qVy80O
Mark Griffiths: https://bit.ly/36nbXZy
ภาพ: https://bit.ly/3j1rMKz
“ฉันเคยคบกับคนที่คลั่งไคล้ใน ‘น้ำลาย’ ระหว่างมีเซ็กซ์เขามักจะต้องการให้ฉันถ่มน้ำลายลงบนหน้าของเขา โดยเฉพาะเมื่อเขารู้สึกว่าเขาเป็น ‘ซับ’ และฉันเป็น ‘ดอม’ ยิ่งเขารู้สึกถูกกดขี่มากเท่าไหร่ เขายิ่งรู้สึกกระตุ้นเร้ามากเท่านั้น ไม่เพียงแค่นั้นเฟติชของเขายังขยายไปถึงการที่เขอยากให้ฉันน้ำลายไหลลงทั่วหน้าอก เพื่อที่เขาจะได้ถูมันไปมาบนใบหน้าของเขา แน่นอนว่าเขาชอบความชุ่มชื้นทางร่างกาย แต่เรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องความชอบจากจิตใจมากกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการถูกควบคุม เหยียดหยามและกดขี่” – หนึ่งในความเห็นบนโลกออนไลน์
ตัวอย่างดังกล่าวแสดงให้เห็นการนำ ‘น้ำลาย’ มาเป็นส่วนประกอบในการมีเซ็กซ์แบบ BDSM ที่มีคู่ดอมกับซับ เพราะความรู้สึกของการ ‘ถูกเหยียดหยาม’ มักจะกระตุ้นเร้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อถูกถ่มน้ำลายใส่ เนื่องจากการถ่มน้ำลาย เรามักจะเข้าใจว่าเป็นการแสดงท่าทีรังเกียจ เหยียดหยาม ไปจนถึงขยะแขยง รวมไปถึงการลดทอนค่าของคู่ ซึ่งคนที่มีบทบาทเป็นฝ่ายรับมักจะชื่นชอบ
แต่ไม่ใช่แค่เป็นไปเพื่อ BDSM เพียงอย่างเดียว อันที่จริงพบว่าในหลายกรณีคนก็แค่ ‘เฟติชน้ำลาย’ เฉยๆ อย่างเช่นในปี 2011 มีข่าวนำเสนอถึงชายญี่ปุ่นอายุ 55 ปีที่ถูกจับกุมข้อหาอนาจาร หลังจากเขาเข้าไปขอให้หญิงสาวถ่มน้ำลายลงไปในขวดโหล โดยเขาจะถ่ายวิดีโอระหว่างที่พวกเธอถ่มน้ำลายลงไป ซึ่งข้ออ้างที่เขามีมักจะเป็น ‘กำลังทำวิจัยเกี่ยวกับน้ำลายอยู่’ ทว่าเมื่อตำรวจค้นบ้าน พวกเขาเจอบันทึกเทปของผู้หญิงกว่าสองร้อยคน และขวดโหลเปล่าอีกหลายสิบขวดที่เคยมีน้ำลายหญิงสาวอยู่ในนั้น รวมไปถึงวิดีโอที่ผู้ชายคนนั้นช่วยตัวเองและใช้น้ำลายคนอื่นเป็นสารหล่อลื่น
ทว่าสิ่งที่น่าสนใจคือเรื่องเฟติชชิ้นนี้ยังไม่ค่อยพบในงานวิชาการหรืองานวิจัยคลินิกมากนัก อาจเป็นเรื่องที่เราต้องศึกษาต่อไปว่ามันเกิดขึ้นเพราะอะไรต่อ หรืออาจเกิดขึ้นเหมือนเฟติชแบบอื่นๆ
อ้างอิง
Mark Griffiths: https://bit.ly/2MikXZ7
ภาพ: https://bit.ly/39rmVPz
การเสพติดน้ำอสุจินั้นไม่ใช่เพียงแค่การชื่นชอบที่จะเห็นคู่กำลังดื่มกลืนน้ำที่ไหลหลังจากมีเซ็กซ์ที่ปาก หรือได้รับความสุขง่ายๆ จากภาพยนตร์โป๊ แต่ว่ามันเป็นสิ่งทางเพศที่นำมาใช้ในเซ็กซ์ ขณะที่รสนิยมบางอย่างที่เพลิดเพลินสำหรับบางคนอาจไม่สำคัญเท่ากับ ‘การกระทำ’ ซึ่งรวมไปถึงการกลืนน้ำอสุจิจากอวัยวะเพศชาย และความชื่นชอบในน้ำอสุจินั้นไม่ได้จำกัดอยู่ที่เพศใด
ความชอบดังกล่าวอาจเกิดจาก ‘การหลั่งอสุจิใส่หน้า’ (Bukkake) ซึ่งถูกวิจารณ์อย่างแพร่หลายว่าเป็นการทำให้ ‘ผู้หญิง’ เป็นเหมือนสินค้าเท่านั้น และอาจนำไปสู่ความรุนแรงต่อผู้หญิงได้ ‘Karen Franklin’ นักจิตวิทยามองว่าสิ่งนีเป็นสัญลักษณ์ของการข่มขืนหมู่ สอดคล้องกับอีกหลายคนที่มองว่าเป็นการ ‘ดูแคลน’ เนื่องจากผู้หญิงที่เข้าร่วมไม่ได้ ‘เสร็จ’ เหมือนกัน หรืออีกอย่างหนึ่งก็คือ ‘การดื่มกลืนน้ำเชื้อ’ (Gokkun) โดยมักจะอยู่ในภาพยนตร์โป๊ที่มีฉากการดื่มกินน้ำเชื้อจากแก้วหรือถ้วย ทว่าแม้จะมีเรื่องราวเกี่ยวกับ ‘Bukkake’ มากมาย แต่ว่าพอเป็นเฟติชน้ำอสุจินั้นกลับหายากขึ้น
“ประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นที่ฉันได้รับก็คือในประมาณอายุยี่สิบกลางๆ พวกเราเดทกันประมาณสัปดาห์และฉันรู้ว่าเขามีความสามารถทางธรรมชาติในการ ‘สร้าง’ น้ำอสุจิอย่างมาก ในค่ำคืนนึงฉันจึงคุยกับเขาว่าให้ราดมันใส่บนหน้าฉัน เมื่อเขาหลั่งจนเสร็จสิ้น การเห็นน้ำอสุจิที่ไหลท่วมนั้นทำให้ฉันรู้สึกถึงอำนาจที่เหนือกว่า” -จากบล๊อก Girl on the Net
นี่แสดงให้เห็นว่าเฟติชน้ำอสุจิอย่างกรณีของ ‘การหลั่งอสุจิใส่หน้า’ ดังกล่าว ไม่ได้จำเป็นต้องเป็นการที่ผู้หญิงถูกดูแคลน แต่เป็นการที่เพราะผู้หญิงมีอำนาจเหนือกว่าในส่ิงที่ผู้ชายควบคุมไม่ได้ อย่างเช่น ‘การเสร็จ’ โดยเฉพาะเมื่อการหลั่งอสุจิใส่หน้านั้นเป็นภาพที่แสดงให้เห็น ‘เซ็กซ์ที่เสร็จสิ้น’ แล้ว
อ้างอิง
Girl on the Net: https://bit.ly/2NB4GPh
Mark Griffiths: https://bit.ly/2M7V52i
ภาพ: https://bit.ly/3r2d1tT
น้ำนมที่ไหลลงจากนมแม่กลายเป็นสิ่งกระตุ้นเร้าอารมณ์ทางเพศในผู้ใหญ่ได้เหมือนกัน จากการเสิร์ชในพอร์นฮัพด้วย ‘Breast Milk’ พบวิดีโอคอนเท้นต์มากกว่า 1,000 วิดีโอ นั่นหมายความว่าความต้องการที่จะเสพงานเหล่านี้มีค่อนข้างมาก ทั้งๆ ที่ค่อนข้างเฉพาะทาง
หน้าอกและความเป็นเพศของ ‘น้ำนม’ – หน้าอก โดยเฉพาะหัวนม เป็นโซนที่กระตุ้นอารมณ์ทั้งในเพศหญิงและชาย แม้ว่าหัวนมผู้ชายจะไม่ค่อยโดนทำให้เป็นเรื่องของเพศโดยเฉพาะ บางทฤษฎีมองว่าหน้าอกนั้นเป็นสัญญาณของความอุดมสมบูรณ์ หน้าอกนั้นมีบทบาทสองอย่างในสังคมมนุษย์คือการให้อาหารและเซ็กซ์ นั่นทำให้คนอาจนำสองอย่าง ‘น้ำนม’ และ ‘เซ็กซ์’ มาเชื่อมโยงกัน
น้ำนมแม่และการอยากกลับไปเป็นเด็ก – มีความเชื่อว่าคนที่มีเฟติชเช่นนี้ อาจเป็นเพราะความโหยหาชีวิตในวัยทารกอีกครั้ง โดยคนกลุ่มนี้จะมีพฤติกรรมทางเพศด้วยการดูดนมเสมือนตัวเองยังไม่โต รวมถึงการให้คนมาดูแลประหนึ่งยังไม่เป็นผู้ใหญ่ หลายคนถูกกระตุ้นเร้าจากการได้เห็นผู้หญิงให้นมบุตร การดูดนมจากเต้าหรือแม้กระทั่งมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงที่สามารถผลิตนมได้อีกด้วย หลายๆ ครั้งหากอยู่ในความสัมพันธ์แบบนี้คนมักจะเรียกว่า ‘Adult Nursing Relationship (ANR) ที่คนหนึ่งจะต้องรับบทบาทเป็นผู้ดูแลและให้นม ส่วนอีกคนจะเป็นคนที่ถูกดูแล
ANR และวิธีการหลั่งน้ำนม – ความสัมพันธ์แบบ ANR นั้นเกี่ยวข้องกับการดูดนมจากเต้า ซึ่งการที่จะมีน้ำนมหลั่งออกมาได้นั้นจะต้องกระตุ้นเร้าเป็นประจำ ไม่ใช่เพียงแค่ครั้งเดียวหรือเกิดขึ้นหลังจากผู้หญิงตั้งครรภ์โดยบังเอิญ หลักฐานเชิงประวัติศาสตร์ชี้ให้เห็นว่าความสัมพันธ์นี้จะประสบความสำเร็จได้ต้องอาศัยความสัมพันธ์ระยะยาวที่มั่นคงและน่าไว้วางใจ เพราะว่าหากไม่ได้กระตุ้นเร้าสม่ำเสมอ น้ำนมของผู้หญิงจะหยุดผลิต โดยเชื่อว่าคู่รักที่ยินยอมเรื่องนี้ อ่อนโยนและใกล้ชิดต่อกันจะทำให้ความสัมพันธ์เป็นไปอย่างดีมากขึ้น อันที่จริงมีหลายสาเหตุที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องเพศในความสัมพันธ์แบบ ANR อย่างคู่สามีภรรยาที่ต้องการรับเลี้ยงบุตรบุญธรรม อาจใช้วิธีนี้เพื่อกระตุ้นการผลิตนมแม่ก่อนรับเลี้ยงบุตรได้
เซ็กซ์ในประวัติศาสตร์การให้ ‘น้ำนม’ – ย้อนไปในสมัยโรมัน มีเรื่องเล่าของผู้หญิงคนหนึ่งชื่อ ‘เปโร’ แอบป้อนนมให้พ่อของเธอ ‘ซิโมน’ หลังจากเขาถูกจองจำและต้องโทษประหารด้วยการปล่อยให้อดข้าวอดน้ำ เธอถูกจับได้ ทว่าเพราะการกระทำของเธอทำให้พ่อของเธอถูกปล่อยตัวออกมา ส่วนในอังกฤษก่อนปฏิวัติอุตสาหกรรม ‘การดูดนมในผู้ใหญ่’ ถูกใช้เพื่อรักษาอาการป่วยในโรคตาและวัณโรคปอด หรือแม้กระทั่งในญี่ปุ่นนั้นมีสิ่งที่เรียกว่า ‘Bonyu Bar’ (บาร์น้ำนมแม่) ที่ตั้งอยู่ในคาบูกิโช โดยจ้างผู้หญิงมาให้นมลูกค้าในราคาแก้วละ 2,000 เยน หรือส่งตรงจากหัวนมในราคา 5,000 เยน
การให้น้ำนมและอิสระภาพทางเพศ – ไม่ใช่แค่ผู้ชายที่อาจชอบ ‘น้ำนม’ ผู้หญิงบางกลุ่มมีประสบการณ์หรือความสุขทางเพศจากการปั๊มนมลูกได้ด้วย ‘ฟิโอน่า ไจลส์’ นักวิจัยสังกัดมหาวิทยาลัยซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ระบุว่าผู้หญิงบางคนรู้สึกว่าตัวเองได้เป็นผู้หญิงมากขึ้นเมื่อให้นมบุตร และอาจต้องการให้นมต่อไปจนกว่าจะหย่านม เพราะแรงกระตุ้นทางอารมณ์และประสาทสัมผัส เธอยังเสนอว่าการมองการหลั่งน้ำนมเป็นเรื่องทางเพศอาจช่วยให้ผู้หญิงมีอิสระมากขึ้นก็ได้ เนื่องจากผู้หญิงหลายคนนั้นยึดโยง ‘ความเป็นแม่’ ทำให้รู้สึกผิดเมื่อมีความต้องการทางเพศจากการให้นมลูก
อ้างอิง
Wikipedia: https://bit.ly/2YryCjg
Mark Griffith: https://bit.ly/3os93cf
ภาพ: https://bit.ly/3ctu0ky
“สำหรับฉัน เลือดทำให้ฉันรู้สึกตื่นเต้นเสียวซ่านกับวิช่วลของมัน ฉันรู้สึกอย่างนี้มาตั้งแต่ฉันยังเป็นเด็กสาว แม้กระทั่งเลือดกำเดาไหลและภาพนั้นยังทำให้ฉันตื่นเต้น ฉันยังมักจะนั่งลงข้างหน้ากระจกและดูหยดเลือดไหลผ่านใบหน้า” – ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตท่านหนึ่ง
เลือดสัมพันธ์กับ ‘ชีวิต’ อย่างลึกซึ้ง มันทำให้เรานึกถึงความเป็นความตายของเรา บางคนแค่เห็นเลือดก็รู้สึกกลัวเพราะมันเป็นสัญญาณของ ‘ความอันตราย’ ทว่าบางคนกลับ ‘ตื่นเต้น’ และ ‘กระตุ้นเร้าทางเพศ’ เมื่อได้เห็นมัน ทำให้มีการนำเลือดมาเล่นในเซ็กซ์เกิดขึ้น
หลั่งเลือดด้วยรักและเจ็บปวด – ‘Galen Fous’ ผู้ให้การศึกษาด้านเฟติช มองว่า ความชื่นชอบทางเพศที่มีต่อเลือดอาจมาจากสัญชาตญานดิบและความต้องการใกล้ชิดอย่างลึกซึ้ง เพราะเลือดนั้นเชื่อมโยงกับสีแดงและแรงปรารถนา รวมถึงการเล่นเลือดนั้นต้องใช้ความเชื่อใจกับคู่อย่างมาก ขณะเดียวกันบางคนมองว่าความเพลิดเพลินในการเล่นเลือดคือการปลดเปลื้องพันธนาการทางอารมณ์ หลังจากได้เห็นเลือดไหลออกมา ซึ่งสัมพันธ์กับมาโซคิสม์
เลือด กับ ‘ความเป็นความตาย’ – การเล่นเลือดเป็นรูปแบบของ BDSM ที่เรียกว่า ‘Edgeplay’ หมายถึง กิจกรรมทางเพศที่ต้องตระหนักและยอมรับถึงความเสี่ยง เนื่องจากอาจมีการใช้มีดคมปาดเพื่อให้มีเลือดไหล หรือใช้เครื่องมือทางการแพทย์ต่างๆ ซึ่งจะส่งผลต่อการทำให้คู่หรือตัวเองเจ็บโดยไม่ได้ตั้งใจ หรือความเสี่ยงต่อการติดเชื้ออักเสบจากเฉือน ข้อแนะนำของแพทย์คือการตรวจเลือดของทั้งคู่เพื่อความสะอาดเนื่องจากมีโอกาสติดเชื้อไวรัสด้วยเช่นกัน
มาตรฐานของชุมชน BDSM ที่มีต่อการเล่นเลือดนั้น มีไปถึงการฆ่าเชื้อเครื่องมือที่ใช้ทำให้เลือดไหล การตรวจสอบโรคติดต่อทางเพศ และการเลือกเฉือนเนื้อในบริเวณที่ปลอดภัยและมีไขมันมากกว่า โดยที่ไม่ใกล้เส้นเลือดใหญ่หรือหลอดเลือดแดง รวมถึงควรได้รับการฝึกอบรมที่เหมาะสมอีกด้วย ทว่าหากใครที่กังวลกับความเสี่ยงตรงนั้นแต่ต้องการจะตอบสนองต่อเฟติชนี้ก็อาจใช้โรลเพลย์เข้ามาประกอบแทน โดยใช้น้ำที่คล้ายเลือด เพื่อทำให้รู้สึกเติมเต็มแทน รวมไปจนถึงบางคนอาจรู้สึกว่า ‘ประจำเดือน’ ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง
เรื่องราวของประจำเดือน – การมีเซ็กซ์ระหว่างประจำเดือนไม่ใช่เรื่องที่แปลกใหม่ อย่างจะมีความเชื่อของ ‘วูดู’ ที่ว่าการมีเซ็กซ์ทางปากกับผู้หญิงช่วงมีประจำเดือนจะทำให้ผู้ชายผูกติดกับผู้หญิงคนนั้นไปตลอดชีวิต โดยมีทฤษฎีบางอย่างเชื่อว่าการที่คนกระตุ้นเร้าจากประจำเดือนนั้นก็เพราะว่า ‘ความอิจฉา’ ร่างกายผู้หญิงที่มีการเตรียมพร้อมต่อการปฏิสนธิ ทั้งที่ความจริงแล้วมันแทบจะเป็นไปไม่ได้สำหรับผู้หญิงที่จะตั้งครรภ์ในช่วงเวลาดังกล่าว
นี่คือวีดีโอเรื่องราวของ ‘ความสัมพันธ์’ และ ‘เลือด’: https://bit.ly/2MjYRW7
อ้างอิง
Yahoo: https://yhoo.it/39xvzfP
Mark Griffiths:https://bit.ly/2Ym6Lki
ภาพ: https://bit.ly/2YrxsnU
ความชื่นชอบใน ‘น้ำมูก’ นั้นอาจคาบเกี่ยวกับความชื่นชอบใน ‘จมูก’ หรือแม้แต่ ‘การจาม’ บ่อยครั้งที่กลุ่มคนเหล่านี้อาจเลียหรือดูดจมูกของคู่ เพื่อให้ได้รับรสชาติของของเหลวในจมูก หรือแม้กระทั่งพวกเขาต้องการจะดื่มและเลียมัน บางคนอาจจะชอบดื่มมันหรือบางคนอาจชอบการบังคับให้ดื่มมัน
การนำน้ำมูกมาเกี่ยวข้องกับเซ็กซ์นั้นมักจะเกี่ยวข้องกับ ‘เฟติชการจาม’ อย่างลึกซึ้ง ‘สเตลล่า’ เด็กสาวชาวอเมริกันนั้นมีเฟติชการจามและเธอมักจะใช้น้ำมูกเป็นน้ำยาหล่อลื่นเป็นเครื่องมือ “ฉันพบว่ามันแปลกมากที่จะมีเฟติชการจาม ทว่าหลังจากฉันเปิดดูวิดีโอเหล่านั้น ฉันพบว่ากางเกงในของฉันเปียกโชกและถูกกระตุ้นเร้าไปเหมือนกัน”
เฟติชการจามนั้นเป็นชุมชนที่ค่อนข้างแข็งแรงโดยถึงกับมี ‘SneezeFurs’ เว็บบอร์ดที่เกี่ยวข้องกับเฟติชนี้โดยเฉพาะ และความเห็นหลายคนที่มีต่อเฟติชดังกล่าวค่อนข้างสอดคล้องกัน ว่า การกระตุ้นเร้าทางเพศที่เกิดขึ้นจากการจามนี้มันมาจากความรู้สึกที่มีต่อการเห็น ‘ความสูญเสียการควบคุม’ เนื่องจากการจามไม่สามารถควบคุมได้
“ผมรู้สึกตื่นเต้นเมื่อเห็นคนพยายามระงับความอยากจะจาม ตั้งต่การเห็นเขาฟึดฟัดไปจนถึงการระเบิดจามที่ทำให้น้ำลายและน้ำมูกหลั่งไหลออกมา” ‘Andre’ ชายอายุ 34 ปี จากรัฐมิชิแกนที่ค้นพบว่าเขากระตุ้นเร้าทางเพศจากการจามหลังจากที่เห็นเพื่อนร่วมห้องสมัยม.ปลายจาม
แรงดึงดูดทางเพศที่เกิดขึ้นจากการจามนั้นอาจเพราะการจามมีลักษณะร่วมกับการถึงจุดสุดยอด ไม่ว่าจะเป็น ‘การไม่สามารถควบคุมได้’ ‘การระเบิด’ รวมไปจนถึง ‘การปลดปล่อย’ ที่เกิดขึ้นพร้อมๆ กัน
อ้างอิง
Popdust: https://bit.ly/3ac2FAJ
Sneezefurs: https://bit.ly/3r1yVxs
Mark Griffiths: https://bit.ly/2MAKn4d
Nydailynews: https://bit.ly/3t84kzR
Mandatory: https://bit.ly/3qVyjt0
Playboy: https://bit.ly/36n2OQO
ภาพ: https://bit.ly/36jI1xl
เรามักจะเข้าใจกันว่าอุจจาระเป็นสิ่งสกปรกและเป็นของเสียที่ออกมาจากร่างกาย ทว่าก็ยังมีคนบางกลุ่มนั้นมีความรู้สึก ‘กระตุ้นเร้าทางเพศ’ จากสิ่งไม่พึงประสงค์ของคนทั่วไปแบบนี้ด้วยเช่นกัน อย่างภาพยนตร์โป๊บราซิลที่เคยโด่งดังบนโลกออนไลน์ในชื่อเล่นว่า ‘2 Girls 1 Cup’ ซึ่งมีภาพการอุจจาระลงบนถ้วยและบริโภคมันก่อนจะอาเจียนใส่คู่ตัวเอง หากใครเคยดูก็อาจนึกภาพอันเลือนรางที่อาจอยากลบออก และนี่แหล่ะคือตัวอย่างที่ชัดเจนของ ‘เฟติชอุจจาระ’
ในหนังสือ ‘Sexual Deviance: Theory, Assesment and Treatment’ ปี 2008 เขียนไว้ว่า บางทีคนที่มีเฟติชอุจจาระอาจเป็นเพราะมันคือ ‘การปลดปล่อย’ ขณะเดียวกันบางคนอาจมองว่าเป็น ‘การบริโภคของเสีย’ โดยมีคำอธิบายจากทฤษฎีจิตวิเคราะห์ว่า ‘อุจจาระ’ อาจเป็นสัญญะของอวัยวะเพศชาย และการดำรงอยู่ของเฟติชดังกล่าวนี้อาจเป็นวิธีป้องกันความกลัวสูญเสียอัณฑะก็ได้ แต่นั่นก็เป็นการหยิบยกทฤษฎีมาจากฟรอยด์ที่พิสูจน์ไม่ได้
คนมีเฟติชอุจจาระเป็นจิตเภท ? – นักจิตวิทยาหลายคนมองว่าคนที่ชื่นชอบอุจจาระนั้นมักจะเป็นจิตเภท แต่เนื่องจากมีงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับเรื่องนี้น้อยมาก แม้จะมีหนังโป๊เฟติชอุจจาระที่อาจครอบคลุมไปถึงการถ่ายคนรับประทานมัน (และนั่นไม่ดีต่อสุขภาพอย่างมาก เพราะก่อให้เกิดโรคตับอักเสบได้) แต่อย่างไรก็ตามมีงานวิจัยในวารสารวิชาการเรื่องการบำบัดทางเพศและการสมรสที่ตีพิมพ์ในปี 1995 ว่าคนที่มีเฟติชอุจจาระไม่ใช่ทุกคนที่มีปัญหาทางจิตเภท สอดคล้องกับในเว็บไซต์ Quora ที่มีคนออกมาตอบคำถามเรื่อง ‘เฟติช’ นี้ว่า เขาไม่ได้มีปัญหาที่ส่งผลมาจากสมัยเด็กหรือวัยรุ่นเลย แต่นั่นอาจพัฒนามาจากความชื่นชอบในก้นของผู้หญิงและเซ็กซ์ทางทวารหนัก
อุจจาระดูน่าขยะแขยงจะตาย ทำไมบางคนถึงชอบ? – งานวิจัยแสดงให้เห็นว่าเมื่อคนถูกกระตุ้นเร้า ระบบตอบรับความอี๋ของเขาก็แค่หยุดลงไป ซึ่งสมเหตุสมผลหากมองในมุมวิวัฒนาการ เพราะว่า สบู่ กระดาษชำระ หรือกระทั่งสเปรย์ระงับกลิ่นปาก ไม่ได้มีอยู่ในประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่ของมนุษยชาติ แล้วเซ็กซ์เองนั่นแหล่ะที่ ‘สกปรก’ และเต็มไปด้วย ‘กลิ่น’ หากการกระตุ้นเร้าทางเพศไม่สามารถชนะความอี๋ของเราต่อของเหลวและสิ่งสกปรกที่ออกมาจากร่างกายเรา สปีชีส์ของเราก็คงสูญพันธุ์กันไปนานแล้ว
เหตุการณ์สมมุติอาจเป็น ‘ผู้ชายอยู่ในห้องน้ำกับแฟนสาวของเขา หลังจากนั้นก็เมคเอ้าท์กันและเธอฉี่บนตัวเขา” หลังจากนั้นมาเขาอาจรู้สึกว่าสิ่งปฏิกูลของมนุษย์ก็เหมือนๆ กัน หรือแม้กระทั่งการที่มันเป็น ‘สิ่งต้องห้าม’ ยิ่งทำให้เย้ายวนใจและตื่นเต้นทางเพศ โดยเฉพาะถ้าโอเคกับปัสสาวะด้วยก็อาจกระตุ้นให้เกิดเฟติชอุจจาระได้เหมือนกัน หรืออาจเป็นนิสัยส่วนตัวของบางคนที่ชอบทดลองส่ิงแปลกใหม่ก็ไปกระตุ้นตรงนี้ได้เช่นเดียวกัน
อ้างอิง
Mark Griffiths: https://bit.ly/3t6Urmd
Wikipedia: https://bit.ly/3tePubd, https://bit.ly/3j4LxkE
Vice: https://bit.ly/3r1ySBM
Quora: https://bit.ly/3punrCc
ภาพ: https://bit.ly/3t82YoL
#Sexology #SexualArousal
#Fluid #Fetish #Kink
Content by Va/Waranya Buranakarn
Graphic by Pipat Pajantaboot
อ่านคอนเทนต์เรื่องเพศอื่นๆ: https://bit.ly/3hhRUzp
สนทนาเรื่องเพศได้ที่กลุ่ม ‘เพศ’: https://bit.ly/2LKTzTg
#Spectrum #พื้นที่ความคิดของทุกสีสัน
- Advertisement -