- Advertisement -
SEX EDUCATION: คุยเรื่องเพศกับคุณหมอ ‘ณิ’ – พญ.ณิชมน ภาคย์ภิญโญ – สูตินรีแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ และอาจารย์ประจำหน่วยมีบุตรยาก
เรื่องของการมีลูกยากในปัจจุบันมีคนที่เข้ามารับคำปรึกษาค่อนข้างเยอะ และมีแนวโน้มที่จะเยอะขึ้นเรื่อยๆ เพราะว่าแน่นอนด้วยสภาพสังคมต่าง ๆ ทำให้คนแต่งงานช้า หรือว่าถึงแต่งงานแล้วก็ยังไม่พร้อมที่จะมีลูกเพราะว่าด้วยสภาพเศรษฐกิจ การทำงานอะไรต่าง ๆ ที่ทำให้เขารู้สึกว่าเขาไม่พร้อมที่จะดูแลเด็กคนหนึ่ง แต่เมื่อพร้อมแล้วอายุก็ล่วงเลยไปแล้ว และแน่นอนว่าอายุที่เพิ่มขึ้นทำให้มีโอกาสที่จะมีลูกยากได้
เทคโนโลยีช่วยการมีบุตรจึงเข้ามามีบทบาทมากในทางการแพทย์ ในปัจจุบันมีวิธีในการที่จะรักษาภาวะการมีลูกยากถ้าไม่รวมในเรื่องของการนับวันตามธรรมชาติ หรือการกำหมดวันตกไข่ตามธรรมชาติ ปัจจุบันวิธีที่นิยมคือการผสมเทียม และการทำเด็กหลอดแก้ว แต่ก็มีข้อกำหนดอย่างชัดเจนว่าบุตรที่เกิดจากเทคโนโลยีต้องเป็นคู่ชาย – หญิงที่จดทะเบียนสมรสอย่างถูกกฎหมาย
ดังนั้น LGBT+ ที่จะมาเข้ารับบริการช่วยเทคโนโลยีช่วยเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ ก็ยังมีข้อจำกัดในตรงนี้ ทำให้ยังไม่สามารถที่จะเข้ามารับบริการได้ แต่ถามว่ามีคนที่เคยเข้าปรึกษาไหม จะบอกว่าก็มีเข้ามาเรื่อย ๆ แต่ก็มีข้อจำกัดก็เลยทำให้ยังไม่สามารถรักษาและก็ให้บริการในกลุ่มนี้ได้
บทความนี้ คุณหมอ ‘ณิ’ – พญ.ณิชมน ภาคย์ภิญโญ จะมาให้ความรู้เรื่อง ‘เทคโนโลยีการมีบุตร’ เพื่อให้คนทุกเพศมีลูกได้ ถ้าหากมีสมรสเท่าเทียม LGBT+ ในไทยก็อาจทำได้ เป็นความรู้ดี ๆ ที่อ่านได้ทุกเพศ สำหรับคนที่วางแผนอยากมีลูกในอนาคต
- Advertisement -
การผสมเทียม (Intrauterine Insemination)
#การผสมเทียมหรือที่เรียกว่า IUI ย่อมาจาก Intrauterine Insemination ก็คือการฉีดน้ำเชื้อเข้าไปในโพรงมดลูกในวันไข่ตก โดยวิธีการคือต้องทานยากระตุ้นไข่ แล้วก็มาอัลตร้าซาวด์ตรวจดูฟองไข่ แล้วก็กำหนดวันไข่ตกในวันที่ไข่ตกแทนที่จะมีเพศสัมพันธ์ ก็จะเป็นการเก็บน้ำเชื้อมาเพื่อปั่นเตรียมคัดเลือกตัวน้ำเชื้อที่อสุจิมีคุณภาพฉีดเข้าโพรงมดลูกไป ทำให้ไข่กับอสุจิไปเจอกัน
แต่กระบวนการนี้คือเราฉีดเชื้อเข้าไปแต่การปฏิสนธินี้ก็เป็นการปฏิสนธิกันตามธรรมชาติอยู่ดี เพราะฉะนั้นอันนี้ก็คือเหมือนเป็นวิธีง่าย ๆ เบื้องต้น ข้อดีก็คือ เนื่องจากว่ามันเป็นวิธีง่าย ๆ ราคาค่าใช้จ่ายในการทำก็จะไม่สูงมาก เหมาะกับคนที่ไม่ได้มีปัญหาเรื่องของท่อนำไข่ น้ำเชื้อปกติหรืออาจจะผิดปกติแค่เพียงเล็กน้อย และคนที่อายุยังน้อยเพิ่งเริ่มเข้าสู่กระบวนการการรักษา
ข้อเสียก็คือเนื่องจากว่ามันเป็นวิธีที่คล้าย ๆ กับแบบธรรมชาติความสำเร็จมันอาจจะไม่ได้สูงมาก ต่อหนึ่งรอบที่ทำความสำเร็จเฉลี่ยอยู่ที่แค่ประมาณ 15%

การทำเด็กหลอดแก้ว (IVF, ICSI)
#เด็กหลอดแก้ว จะเป็นวิธีที่ใช้เทคโนโลยีเข้ามาค่อยข้างมาก ก็คือเด็กหลอดแก้วคือการปฏิสนธินอกร่างกาย ซึ่งการทำเด็กหลอดแก้วมันก็แบ่งเป็นสองวิธีอีกที่เราใช้ในปัจจุบันก็คือการทำ IVF (In Vitro Fertilization) กับการทำ ICSI (Intracytoplasmic Sperm Injection) หรือเรียกว่า ‘อิ๊กซี่’ ซึ่งการทำเด็กหลอดแก้วคือการทำปฏิสนธินอกร่างกาย คือจะกระตุ้นไข่ใช้เป็นยาฉีดกระตุ้นไข่ เพื่อให้ได้ฟองไข่จำนวนมาก พอได้ฟองไข่จำนวนมากเราก็จะมีการเก็บไข่ออกมาจากนอกร่างกาย พอได้ไข่มาแล้วเราก็เก็บอสุจิของสามีมา แล้วนำไข่กับอสุจิมาปฏิสนธิกันภายนอกร่างกาย จนกระทั่งได้เป็นตัวอ่อน และก็เอาตัวอ่อนนั้นย้ายกลับเข้าสู่โพรงมดลูกเพื่อให้มีการตั้งครรภ์ต่อไป
#การทำ IVF กับการทำอิ๊กซี่ (ICSI) ต่างกันอย่างไร?
ถ้าเป็น IVF เราจะใส่เสปิร์มและไข่ลงไปในน้ำยาช่วยปฏิสนธิ ชักนำให้เกิดการปฏิสนธิขึ้น แต่ถ้าเป็นทำอิ๊กซี่ (ICSI) มันจะเพิ่มเทคโนโลยีเข้ามา ก็คือการคัดเลือกเอาอสุจิแค่เพียงตัวเดียวฉีดเข้าไปในฟองไข่เพื่อทำให้เกิดการปฏิสนธิกัน มันก็จะเพิ่มอัตราความสำเร็จมากกว่า แต่ทั้งสองวิธีนี้เรียกว่าเป็นวิธีการทำเด็กหลอดแก้วทั้งคู่ ซึ่งมันเป็นวิธีที่ใช้เทคโนโลยีช่วยค่อนข้างเยอะ เพราะฉะนั้นหนึ่งค่าใช้จ่ายมันก็จะค่อนข้างสูง แต่อัตราความสำเร็จก็จะมากกว่า โดยเฉลี่ยต่อหนึ่งรอบอัตราความสำเร็จจะอยู่ที่ 40% แต่ถ้าสมมติว่าคนทำอายุน้อยไม่ได้มีโรคอะไรเยอะโอกาสอาจจะเพิ่มขึ้นกว่านี้ได้

การฝากไข่ (Egg Freezing)
คือการฝากไข่ตอนนี้เราไม่ได้พร้อมมีลูกแต่เราคาดว่าเราอาจจะมีลูกในอนาคต เราฝากไข่เพื่อเอาไปรักษาภาวะมีลูกยากของเราในอนาคต หรือสำหรับทรานส์แมนที่จะผ่าตัดแปลงเพศ สามารถฝากไข่เพื่อใช้ในอนาคตได้ ซึ่งการฝากไข่ข้อจำกัดอะไรต่าง ๆ มันจะไม่ยุ่งยาก ไม่จำเป็นต้องมีทะเบียนสมรส แต่พอถึงเวลาจะใช้ไข่ที่ฝากไว้ต้องมีทะเบียนสมรส
ขั้นตอนก็คือเริ่มจากประจำเดือนมา คืออันดับแรกต้องเข้าปรึกษาคุณหมอก่อน เพื่อตรวจเตรียมความพร้อมอะไรต่าง ๆ ตรวจเลือด ดูค่าฮอร์โมน ดูค่าการติดเชื้อต่าง ๆ พอถึงวันประจำเดือนมา ขั้นตอนต่อมาก็คือเราจะเข้ามาอัลตร้าซาวด์ดูจำนวนฟองไข่ตั้งต้น ว่าฟองไข่ตั้งต้นในรอบเดือนนั้นเรามีประมาณเท่าไร แล้วเริ่มฉีดยากระตุ้นไข่ โดยส่วนใหญ่ระยะเวลาในการฉีดยากระตุ้นไข่สักประมาณ 9-11 วัน ในช่วงที่ฉีดนี้คุณหมอก็จะนัดมาอัลตร้าซาวด์ดูว่าฟองไข่โตดีไหม ถ้าไม่ก็มีการปรับยากระตุ้นไข่นิดหน่อย พอครบกำหนดจำนวนที่ฉีดยาก็เก็บไข่
การเก็บไข่คล้าย ๆ กับการอัลตร้าซาวด์ทางช่องคลอดเลย แต่ว่าตัวหัวอัลตร้าซาวด์มันจะมีเข็มสอดอยู่ เข็มนี้ก็จะสอดผ่านผนังช่องคลอดไปเพื่อดูดเอาเซลล์เอาไข่ออกมา ซึ่งกระบวนการทำนี้ก็แล้วแต่โรงพยาบาล ส่วนใหญ่จะทำในห้องผ่าตัดก็จะใช้การดมยาสลบเพื่อให้ไปเจ็บ พอเก็บไข่เสร็จ เราจะเอาเซลล์ไข่ที่ได้ไปแช่แข็ง เมื่อถึงวันที่เราอยากมีลูกค่อยนำเซลล์ไข่นั้นออกมาละลาย ซึ่งแน่นนอนว่าการมีลูกในกรณีนี้ก็คือต้องทำเด็กหลอดแก้ว ก็คือเอาไข่ที่ได้มาผสมกับน้ำเชื้อของสามีเราในอนาคตแล้วก็เลี้ยงเป็นตัวอ่อน แล้วก็ย้ายกลับเข้าโพรงมดลูกไป
ไข่เราจะแช่ในไนโตรเจนเหลวที่อุณหภูมิ -196 องศา เพราะฉะนั้น แล้วระยะเวลาแช่แช่ได้นานมากเป็นสิบ ๆ ปี แล้วการแช่แข็งไข่มีการศึกษามาบอกว่า ถ้าเราอยากมีลูกหนึ่งคนเราควรจะแช่แข็งไข่จำนวนกี่ใบดีเพื่อให้เรามีลูกหนึ่งคน ไม่ใช่ว่าไข่หนึ่งใบจะได้ลูกหนึ่งคนนะ เพราะว่าไข่ที่ได้ออกมานี้เราก็ต้องเอามาละลายใช่ไหม แล้วก็ดูความสมบูรณ์ มันจะต้องมีไข่บางส่วนที่มันไม่สมบูรณ์ เซลล์มันตายไปกว่าจะปฏิสนธิได้และเลี้ยงเป็นตัวอ่อนได้ จำนวนที่เราได้ตั้งต้นมันจะค่อย ๆ ลดลงเรื่อย ๆ เพราะว่าการที่เราจะมีลูกหนึ่งคนคำแนะนำก็คือควรจะฝากแช่แข็งไข่ไว้อย่างน้อย ๆ ได้สิบห้าใบ หมายถึงว่าถ้าเราอยากมีลูกหนึ่งคนเราเก็บไข่ไว้เลยประมาณสิบห้าใบโดยเฉลี่ยก็จะทำให้ได้ลูกหนึ่งคน ซึ่งถ้าเราอายุน้อย ๆ ไม่เกิน 35 ปี ไม่มีโรคประจำตัวอะไร โดยส่วนใหญ่การเก็บไข่ก็จะได้ครั้งละประมาณสิบกว่าใบอยู่แล้ว
การแช่แข็งอสุจิ (Sperm Freezing)
การแช่แข็งอสุจิเป็นวิธีสำหรับคนที่จะเก็บอสุจิไว้เพื่อการใช้งานในอนาคต หรือคนที่ต้องเข้ารับการรักษาบางอย่างที่มีการฉายรังสี คนที่จะแปลงเพศ หรือคนที่ต้องการทำหมันและการรักษาทางการแพทย์อื่น ๆ รวมทั้งการรักษาโรคมะเร็งหลายชนิดที่อาจส่งผลเสียต่อคุณภาพของตัวอสุจิ โดยจะการเก็บอสุจิไว้ในถังไนโตรเจนเหลวที่อุณหภูมิ -196 C ซึ่งสามารถเก็บไว้ได้นานเกิน 10 ปี สำหรับการฝากอสุจิไม่จำเป็นต้องมีทะเบียนสมรส แต่พอใช้เอาไปผสมกับไข่ก็ต้องจดทะเบียนสมรส
อุ้มบุญ (Surrogacy)
การอุ้มบุญเหมาะกับหญิงที่มีปัญหามดลูกผิดปกติไม่สามารถตั้งท้องได้ หรือไม่มีมดลูก หรือมีภาวะล้มเหลวในการฝังตัวอ่อนซ้ำ ๆ ทั้งๆที่โครโมโซมตัวอ่อนก็ดีแล้ว ซึ่งโดยส่วนใหญ่ส่วนหนึ่งจะหาสาเหตุไม่ได้ อีกส่วนหนึ่งก็อาจจะมีโรคบางโรค เช่นภาวะการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ หรือว่าเป็นจากโคโมโซม เป็นจากความพร้อมของเยื่อบุโพรงมดลูก
การอุ้มบุญ คือการเอาไข่ของคนไข้ปฏิสนธิกับอสุจิของสามีได้พอได้ตัวอ่อนแทนที่จะย้ายกลับเข้ามาในโพรงมดลูกของเรา ก็ไปหาผู้หญิงฝากอุ้มบุญแทน ซึ่งก็สามารถทำได้ แต่ว่าการอุ้มบุญมีจะต้องมีการขออนุญาตจากคณะกรรมการพิจารณา ซึ่งใช้เวลาดำเนินเรื่องประมาณ 60 วัน

การขอรับอสุจิบริจาค/ไข่บริจาค (Donor sperm and Donor egg)
คู่ที่สามีภรรยาสามีอาจจะมีเหตุให้เป็นหมัน แล้วก็ไม่สามารถที่จะผลิตอสุจิหรือไข่ออกมาได้ ทางสุดท้ายคือเขาก็ต้องมาขอรับอสุจิบริจาคหรือไข่บริจาค
ในกรณีขอรับอสุจิบริจาคโดยส่วนใหญ่โรงพยาบาลที่จะมีสเปิร์มแบงค์ก็คือเปิดให้บริการรักษาภาวะการมีบุตรยาก และเป็นโรงพยาบาลที่ค่อนข้างใหญ่พอสมควร เราจะไม่ได้ให้ระบุตัวตนว่าคนที่จะมาบริจาคเป็นใคร
คนที่มาบริจาคมีข้อจำกัดคือไม่มีโรคประจำตัวที่ร้ายแรง อายุก็ต้องอยู่ในช่วง 20 – 45 ปี สามารถบริจาคแล้วก็ผลิตลูกได้ไม่เกินสิบครอบครัว หมายถึงเราจะไปบริจาคต้องมีคู่สมรสที่นำเอาอสุจิของเราไปทำลูกจนคลอดได้แล้วห้ามเกินสิบครอบครัว สำคัญเลยหนึ่ง ห้ามทำไปเพื่อการค้า บริจาคคือบริจาค ห้ามทำไปเพื่อได้เงิน
ส่วนไข่บริจาค คนไข้จะต้องหาบุคคลที่พร้อมจะบริจาคมาเอง ซึ่งมีข้อกำหนดว่าผู้บริจาคต้องมีช่วงอายุระหว่าง 20-35 ปี
ทิศทางการเปิดโอกาสให้คู่รัก LGBT+ สามารถทำลูกได้
“ต้องบอกเลยนะคะว่าปัจจุบันอย่างที่เขามี พรบ.คู่ชีวิต คือ พรบ.คู่ชีวิตออกมา คือมันเป็น พรบ.คู่ชีวิตไม่ใช่กฎหมายเกี่ยวกับการสมรส ฉะนั้นคู่ชีวิตไม่เท่ากับคู่สมรสอย่างที่เรารู้ เพราะฉะนั้นในกฎหมายตอนนี้มันยังกำหนดว่าคนที่จะมารับบริการเทคโนโลยีช่วยเจริญพันธุ์ทางการแพทย์จะต้องเป็นบุคคลที่เป็นสามีภรรยาถูกต้องตามกฎหมายมันจะเขียนตามนี้เลย
คนที่เป็นคู่ชีวิตหรือคนที่เป็นเพศเดียวกันมาจดทะเบียนคู่ชีวิตกันก็ยังไม่เข้าเกณฑ์ในการมารับการรักษาตรงนี้ได้ ซึ่งก็แตกต่างจากในเมืองนอก ซึ่งในหลายๆประเทศเรื่องนี้ก็เป็นสิ่งที่ถูกกฎหมาย เพราะฉะนั้นตรงนี้ก็อาจจะเป็นเรื่องที่ต้องผลักดันกันต่อไป เพราะว่าตามกฎหมายไทยก็คือตรงไปตรงมาถ้าอยากที่จะมารักษาเรื่องของการทำลูก มีลูก ไม่ว่าจะผสมเทียมหรือว่าทำเด็กหลอดแก้ว ต้องเป็นชายหญิงที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย
คิดว่าในประเทศไทยคงอีกไกลอยู่ที่กฎหมายซึ่งก็น่าจะต้องใช้เวลาเลยแหละ แต่ปัจจุบันคือตามกฎหมาย พรบ.คู่ชีวิตใช่ไหมที่เขาบอกว่าถ้าอยากมีลูกคือสามารถไปขอรับบุตรบุญธรรมได้ คือตอนนี้มันก็ยังจำกัดอยู่แค่ตรงนี้ รับบุตรบุญธรรมได้แล้วคนที่เป็นคู่ชีวิตอีกคนหนึ่งก็สามารถจดเด็กคนนี้เป็นบุตรบุญธรรมได้เช่นกัน มันได้แค่ตรงนี้ตอนนี้”
#IUI #IVF #ICSI
#EggFreezing #SpermFreezing
#Surrogacy #DonorSperm #DonorEgg
#คุยเรื่องเพศกับคุณหมอ
#SexEducationBySpectrum
Content & Graphic by Napaschon Boontham
อ่านข่าวเรื่องเพศอื่นๆ : https://bit.ly/38MAJn4
#SPECTRUM #พื้นที่ความคิดของทุกสีสัน
- Advertisement -