ชวนฟัง 8 นิยามความรักที่แตกต่างหลากหลายของ 8 ผู้นำแห่งอนาคต ส่งเสียงว่าเราต่างมีความรักอยู่ในตัว สามารถแบ่งปันกันได้ จากงาน ‘Tomorrow’s Leader on Stage All About Love ‘

- Advertisement -

- Advertisement -

เมื่อพูดถึง “ความรัก” หลาย ๆ คนอาจจะนึกถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างเรากับเพื่อน สายใยต่าง ๆ ของครอบครัว หรือการแอบชอบใครสักคน เป็นเรื่องราวที่สวยงามและแอบเจ็บปวดหัวใจไปพร้อม ๆ กัน แต่ภายในงาน ‘Tomorrow’s Leader on Stage: All About Love’ นั้น ทำให้เรารู้ว่า นิยามความรัก มันมีความหลากหลายมากกว่านั้น

ความรักในการเรียนรู้สู่การเป็นตัวเองอย่างแท้จริง, ความรักในตัวเองที่สลัดทิ้งการตีตราจากสังคม, ความรักในการดูประกวดนางงามและสิ่งที่ตัวเองยึดมั่น, ความรักของคนรอบตัวในวันที่เราไม่มีความรักให้ตัวเอง, การแสดงออกถึงความรักที่แตกต่าง, ความรักที่ถูกฟื้นฟูขึ้นอีกครั้ง, ความรักในจิตวิญญาณของตัวเอง และความรักของแม่ที่มีให้

นี่คือ 8 เรื่องราวความรักอันหลากหลาย ส่งเสียงชวนให้เรากลับไปค้นหาความรักที่มีอยู่ในตัวเอง ที่กึกก้องกังวานไปทั้งห้องออดิทอเรียมของหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานครยามค่ำคืน จากเยาวชนเควียร์ผู้บรรยายทั้ง 8 ท่าน ในบรรยากาศแห่งความปลอดภัยและหัวใจที่โอบอุ้มความหลากหลาย ไปพร้อมกับศาสตร์แห่งขันทิเบตของ ‘คุณวุ้น วรัญญา’ และการแสดง ‘Spine Party Movement x Blind Rituals’

‘เราเห็นความจริง เราเห็นความรัก’ – แรปเตอร์ เสรีเทยฺย์พลัส Free Gender TH

ใครหลายคนก็คงเคยมีโมเมนต์แอบชอบใครสักคน เช่นเดียวกับแรปเตอร์ ที่ได้ชอบเพื่อนคนหนึ่งมาเป็นเวลาถึง 5 ปี จนมาตาสว่างว่า ความจริงแล้วเราอาจจะเลิกชอบเขาไปตั้งนานแล้ว แต่เรายังติดอยู่ในความคาดหวัง ยึดติดกับความรู้สึกชอบหรือเปล่า เพราะการยึดติดกับความรู้สึกชอบ เป็นเหมือนการบอกตัวเองว่าเรายังมีความรักอยู่ ทั้งที่จริงแล้ว เราสามารถมีความรักได้โดยการรักตัวเอง

แรปเตอร์ยังได้พูดอีกว่า เพราะในสังคมไทยนั้นได้สร้างความคาดหวังให้กับ LGBT+ ว่าจะต้องเป็นคนเก่ง ต้องกล้าแสดงออก ถ้าเราผิดแผกไปจากค่านิยมเหล่านี้ เราจะไม่ได้รับความรัก นี่จึงเป็นความคิดที่ได้กดทับผู้มีความหลากหลายทางเพศอีกมากมาย ที่ต้องใส่หน้ากากเพื่อที่จะเป็นที่รัก เพราะสังคมนี้ ทำให้เรารู้สึกว่าเราไม่มีคุณค่าอยู่ตลอดเวลา

แต่สิ่งที่เราทำได้ คือการโอบกอดตัวเอง ทั้งส่วนที่ไม่สมบูรณ์ ด้านดี ด้านไม่ดี สิ่งที่ผิดพลาด และความจริง เพราะเมื่อเราเห็นความจริง เราเห็นความรัก

‘อ่านเขียน เปลี่ยนเพศ เปลี่ยนชีวิต’ – พีร์ Indigo Space

‘ความรู้จากการอ่าน คือความเป็นไปได้ที่ไม่มีขีดจำกัด สามารถพาเราไปที่ต่าง ๆ และสามารถพาเราไปสู่ตัวตนที่แท้จริงของเราได้’ – ประโยคนี้คงไม่เกินจริงไปจากเรื่องราวของพีร์ จากเด็กไทยเพศกำหนดหญิงที่เติบโตมาในสังคมอเมริกัน และรู้อยู่ลึก ๆ ตั้งแต่เด็ก ว่าตัวเธอนั้น ความจริงแล้วเป็นเด็กผู้ชาย

ด้วยความรู้สึกที่ไม่ยึดโยงกับความเป็นหญิงและความเป็นอเมริกัน ทำให้พีร์สนใจที่จะอ่านหนังสือตั้งแต่เด็ก ๆ ได้สร้างโลกของตัวเองขึ้นมาผ่านการอ่าน จนพีร์ได้มาพบกับเรื่องของจิตวิทยา ทำให้รู้ว่าตัวตนของเรา สำนึกทางเพศของเรานั้น ไม่ได้ยึดโยงกับอวัยวะเพศ

พีร์ยังบอกอีกว่า ในสื่อนั้นยังไม่ได้มีเรื่องราวของคนข้ามเพศมากเพียงพอ พีร์จึงมุ่งมั่นที่จะเขียนหนังสือ อัดพอดแคสต์ ออกรายการต่าง ๆ เพื่อให้ตัวตนคนข้ามเพศถูกมองเห็น และหวังว่าจะมีคนข้ามเพศอีกหลาย ๆ คนมองเห็นและได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่องราวของพีร์ เพราะเมื่อเรามีความสุขที่ได้เป็นตัวเอง เราจะสามารถส่งต่อความรักไปให้ผู้อื่นได้

‘ความไม่สมบูรณ์แบบอันเป็นที่รัก’ – จอมเทียน Break The Silence

ทุกคนนั้นคงรู้จักจอมเทียนในฐานะนักเขียน คนที่เป็นโรคซึมเศร้า หรือคนที่เคยถูกล่วงละเมิดทางเพศ ทำให้ทุกครั้งที่ไปรู้จักกับคนใหม่ ๆ หรือไปออกเดต จอมเทียนมักจะแนะนำตัวในแบบที่หลาย ๆ คนรู้จัก เพื่อให้แน่ใจว่าคนรอบตัวรับในความไม่สมบูรณ์ของเธอได้

เหตุการณ์ในวัยเด็ก ทำให้จอมเทียนตัดสินใจมาทำงานในด้านช่วยเหลือผู้ถูกกระทำในเคสล่วงละเมิดทางเพศ และได้เจอกับผู้คนมากมายที่มีประสบการณ์คล้ายกับที่จอมเทียนเจอมาในแง่ของการเป็นโรคซึมเศร้า เป็นสิ่งที่ช่วยยืนยันว่าในเหตุการณ์ที่เจอมานั้น เราไม่ได้เป็นคนที่ผิดเลยแม้แต่นิดเดียว

ตั้งแต่เด็ก จอมเทียนพยายามอย่างมากเพื่อที่จะได้รับความรักและการยอมรับจากป้า เธอเปรียบตัวเองเป็นเหมือนหินกลิ้ง ที่มีรอยกระแทก มีรอยร้าว ทำให้หินก้อนนั้นไม่กลมมน หากแต่มีแต่ร่องรอยแหลมมากมาย แต่ท้ายที่สุด เพื่อนของจอมเทียนก็ยินดีที่จะถือหินก้อนนั้นเอาไว้แม้มันจะไม่สมบูรณ์ เพราะการมีบาดแผลจากอดีตนั้นเป็นเรื่องปกติ คือส่วนหนึ่งของการเป็นมนุษย์ การสร้างพื้นที่ปลอดภัย เพื่อส่งเสริมและเยียวยากันและกัน ในวันที่เรารู้สึกว่าตัวเราไม่สมบูรณ์

‘ความรักระหว่างการเดินทาง’ – Liqueer GIRL X GIRL
.
เคยสังเกตตัวเองกันไหมว่า ตัวตนของเรานั้นจะเปลี่ยนไปตามสังคมที่เราอยู่ อยู่กับที่บ้านตัวตนหนึ่ง อยู่กับเพื่อนเป็นอีกตัวตนหนึ่ง Liqueer นั้นถือเป็นหนึ่งคนที่บอกว่าตัวเองไม่รู้วิธีแสดงออกทางความรัก ด้วยความที่เติบโตมากับทั้ง 2 บ้านที่มีการเลี้ยงดูที่ต่างกัน ทำให้เมื่อเข้าโรงเรียน Liqueer จึงพยายามที่จะแสดงความรักต่อเพื่อน เช่นเดียวกับที่ที่บ้านแสดงความรักต่อตัวเอง
.
แต่ Liqueer ก็เล่าให้เราฟังว่าเพื่อนที่โรงเรียนไม่เข้าใจการแสดงความรักที่เจ้าตัวนั้นแสดงออกไป ทำให้เพื่อนไม่ค่อยเข้าหาเท่าไหร่ ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนสหฯ สมัยม.ต้น หรือการเรียนหญิงล้วนสมัยม.ปลาย ที่สังคมโดยรวมทำให้ Liqueer แอบรู้สึกเหมือนเป็นคนนอก
.
“ไม่มีอะไรลวง ไม่มีอะไรหลอก ทุกอย่างเป็นการแสดง” – นี่คือประโยคหนึ่งในบทความที่ Liqueer เคยอ่านเจอ เราต่างแสดงตัวตนออกมาหลากหลายด้านตามสังคมที่เราอยู่เป็นเรื่องปกติ แต่ท้ายที่สุดแล้ว เราไม่จำเป็นต้องผูกติดตัวเองกับคนอื่นก็ได้ การพยายามดีกับคนอื่นเป็นเรื่องที่ดี แต่อย่าลืมใจดี ให้อภัย และให้ความรักต่อตัวเราเอง

‘(Im)possible Love: รักที่เป็นไป(ไม่)ได้’ – ปาหนัน Young Pride Club

ทุกคนต่างมีสิ่งที่เราหลงใหล สิ่งที่เราใฝ่ฝัน สิ่งที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับเราในทุก ๆ วัน สิ่งที่ทำให้เรารู้สึกรักมันและขาดมันไม่ได้ สิ่งนั้นสำหรับปาหนัน คือการดูประกวดนางงาม

เธอเติบโตมากับการนั่งดูประกวดนางงามกับคุณยายของเธอ ที่หลงใหลชื่นชอบมากจนได้มีโอกาสเก็บเงินไปดูประกวดนางงามแบบติดขอบเวทีมาแล้ว และเมื่อปาหนันได้เข้ามาทำงานในแวดวงของการขับเคลื่อนเรื่องเพศ ได้รู้จักกับเพื่อน ๆ มากมาย แต่ก็ไม่ใช่เพื่อนทุกคนที่เข้าใจและชื่นชอบในการประกวดนางงามเหมือนเธอ เพราะมองว่าเวทีนางงามนั้น เป็นเวทีที่สร้าง Beauty Standard และผลักไสความงามอื่น ๆ ออกไป

นี่ทำให้ปาหนันหลงทางอยู่สักพัก เพราะเพื่อนอุดมการณ์เดียวกันกลับกีดกันไม่ยอมรับการประกวดนางงาม แต่สุดท้ายเธอก็ให้คำตอบกับตัวเองว่า เธอสามารถเป็นนักกิจกรรม ไปพร้อม ๆ กับหลงใหลในการประกวดนางงามที่เธอชื่นชอบได้ จนในตอนนี้ เราเองก็เห็นนางงามเข้ามามีบทบาททางการเรียกร้องประชาธิปไตยมากขึ้น ปาหนันได้บอกกับพวกเราว่า อย่าให้ความไม่ชอบมาปิดกั้นหรือสร้างอคติให้กับเรา เพราะเราอาจจะเสียกลุ่ม ๆ หนึ่งที่จะมาช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับขบวนการณ์ของเราได้

‘อบความรักให้นุ่มฟูเหมือนขนมปัง’ – มีมี่ FemFoo

มีมี่เปรียบชีวิตวัยเด็กของเธอเป็นเหมือนท้องฟ้าอันหมองหม่น บ้านไม่ใช่สถานที่ปลอดภัยของเธอในตอนนั้น เพื่อนหนึ่งเดียวในบ้านของเธอคือไอแพด 1 เครื่องเท่านั้นเอง จนวันหนึ่ง ท้องฟ้าที่หมองหม่นเริ่มมีแสงแดดส่องลอดลงมา และนั่นคือวันที่เจ้าหมาน้อย ‘ธอร์’ ได้เข้ามาอยู่ในชีวิตของครอบครัวมีมี่

มีมี่เปรียบธอร์เป็นเหมือนสายใยอันยุ่งเหยิง ที่เชื่อมความสัมพันธ์ครอบครัวของเธอเอาไว้ จนวันที่มีมี่ต้องฝากธอร์ไว้กับคนอื่น เพื่อมาเรียนที่กรุงเทพ จนเมื่อกลับได้มาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง ธอร์ที่เคยถูกทอดทิ้งไปครั้งหนึ่ง ได้ระแวงกัดทุกคนในบ้าน ใช้เวลาอยู่นานกว่าจะเยียวยากลับมาลูบหัวธอร์ได้อีกครั้ง

ประสบการณ์ถูกทอดทิ้งนั้น เป็นสิ่งที่สำคัญที่จำเป็นจะต้องจัดการ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์เลี้ยง หรือเยาวชนคนหนึ่ง ที่มีสิทธิ์ที่จะได้รับการดูแล และเยียวยา อีกทั้งธอร์นั้นเป็นเหมือนขุมพลังความรัก ที่ทำให้เราในฐานะมนุษย์ทุกคนตกตะกอนว่า เราต่างมีความรักอยู่ในตัวอยู่แล้ว และเรายังมีพลังนั้น ที่สามารถแบ่งปัน และเชื่อมโยงความรักให้ผู้อื่นได้ ให้ความรักนั้นนุ่มฟูเหมือนกับขนมปัง

‘รักของแม่นั้นแน่แค่ไหน’ – บุญรอด Poocao Channel

ความรักที่บุญรอดมาเล่าให้เราฟังในวันนี้ คือความรักของแม่ที่มีต่อบุญรอด ในหลาย ๆ ที่ที่บุญรอดได้มีโอกาสแชร์เรื่องราวของตัวเอง บุญรอดมักเล่าว่าเขาเกิดมาในร่างกายที่ไม่สมบูรณ์ ตัวเหลือง ท้องโต และผ่านการผ่าตัดก้อนมะเร็งก้อนใหญ่ ทำให้ตัวบุญรอดนั้น เคลื่อนไหวลำบากมาตั้งแต่ยังทารก

ซึ่งตั้งแต่ช่วงที่เข้าโรงพยาบาล บุญรอดมีแม่อยู่เคียงข้างมาตลอด กระทั่งในการหาโรงเรียน แม้ว่าบุญรอดจะหาโรงเรียนยาก แต่สุดท้ายแม่ก็หาโรงเรียนให้เขาได้ คอยทำการบ้านให้เขา (โดยบุญรอดเป็นคนบอก แม่เป็นคนเขียน) แม่พยายามเลี้ยงเขาให้ช่วยเหลือตัวเองให้ได้มากที่สุด เผื่อวันหนึ่งแม่ไม่อยู่แล้ว เขาจะได้ดูแลตัวเองได้

“ความสุขแม่เดี๋ยวมันก็ผ่านไป ความสุขลูกจะอยู่ตลอดไป” – นี่คือสิ่งที่แม่บุญรอดพูดกับเขา จนในปัจจุบัน บุญรอดรักที่จะแต่งหญิงในบางโอกาส คุณแม่เองก็สนับสนุนเขาให้เป็นตัวของตัวเองในทุก ๆ ทาง บุญรอดก็ได้ส่งเสียงถึงผู้ปกครองว่า เราควรที่จะสนับสนุนลูก ไม่ตีกรอบให้เขา ให้เขาได้เป็นตัวของตัวเองอย่างเต็มที่ และได้ขอบคุณความรักที่แม่มีต่อเขา ให้บุญรอดนั้นได้เติบโตมาเป็นบุญรอดในทุกวันนี้

‘ชาร์ล็อต’ – ชาร์ล็อต Feminist Mermaid

วัยเด็กของชาร์ล็อตเคยได้เรียนอยู่ในโรงเรียนที่ดี จนได้เผชิญกับปัญหาต่าง ๆ ที่ฝังรากลึกอยู่ในระบบการศึกษาไทย เพราะต้องย้ายโรงเรียนเนื่องจากปัญหาทางด้านการเงินของที่บ้าน ทำให้จิตวิญญาณของชาร์ล็อตถูกกัดกิน และได้ตัดสินใจออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องเกี่ยวกับการศึกษาในปี 63

ช่วงเวลาวัยเด็กที่ควรจะมี ความรักจากครอบครัวที่ควรจะได้รับ ชาร์ล็อตได้สูญเสียมันไปเพียงเพราะออกมาเรียกร้องต่อการพัฒนาระบบการศึกษาให้ดีขึ้น แต่ช่วงเวลาที่อยู่ในขบวนการณ์ ชาร์ล็อตก็ได้พบเจอกับเพื่อนมากมายและการดำน้ำในทะเลใต้ ที่ช่วยดึงจิตวิญญาณกลับมา ให้รักตัวเองได้อีกครั้ง

“แท้จริงแล้ว ความสุขและความรักมันอยู่ในใจเรา มันไม่เคยจากไปไหน แม้บางครั้งเราอาจจะไม่ได้มองเห็นมัน” – ชาร์ล็อตจบเรื่องราวของตัวเอง โดยให้ผู้ชมโอบกอดและตบบ่าของตัวเอง เพื่อบอกหัวใจของเราว่า เราเข้มแข็งและกล้าหาญมากแค่ไหน ที่ยังมีชีวิตอยู่

- Advertisement -
SPECTRUM
SPECTRUM
พื้นที่ความคิดของทุกสีสัน