ความเจ็บปวดของบาดแผล จากความสัมพันธ์ที่เป็นพิษ มาร่วมหัวใจสลายไปกับเพลง ‘All Too Well’ (10 Minute Version) ผ่าน ‘ความไม่เท่าเทียมในความสัมพันธ์’ ที่ Taylor Swift พบเจอ

- Advertisement -

“Wind in my hair, I was there
I remember it all too well”

นี่คงจะเป็นอีกท่อนเพลงหนึ่งที่ไม่ว่าจะเปิดที่ไหน เหล่า “สวิฟตี้” (Swifties) ก็จะตะโกนร้อง (ในใจ) อย่างพร้อมเพรียงไปกับ ‘เทย์เลอร์ สวิฟต์’ (Taylor Swift) กับเพลง “All Too Well” จากอัลบั้มล่าสุดที่ถูกนำกลับมาอัดใหม่อย่าง “Red (Taylor’s Version)” และที่พิเศษไปมากกว่านั้นสวิฟต์ก็ได้ปล่อยเวอร์ชั่น 10 นาทีของเพลงนี้ออกมา พร้อมกับภาพยนต์สั้น ให้เราได้ปลดล็อคสกินหูทองคำกันด้วย วันนี้เราจะมาชวนทุกคนไปรู้จักกับมิติ ตัวตน และประเด็นของความสัมพันธ์ต่าง ๆ ของเทย์เลอร์ สวิฟต์ผ่านเนื้อเพลงนี้ของเธอ

SPECTRUM OF HUMAN: Taylor Swift – All Too Well (10 Minute Version) กับเพลงจากอัลบั้มใหม่ล่าสุด ที่สะท้อนความโหดร้ายของความสัมพันธ์ที่เป็นพิษ

จุดเริ่มต้นของเพลง All Too Well นั้นมาจากวันที่เธอได้ไปซ้อมคอนเสิร์ต ‘Speak Now Tour’ หลังจากที่เธอเพิ่งจบความสัมพันธ์กับแฟนเก่ามาอย่างหมาด ๆ สวิฟต์ได้เล่าว่าวันนั้นเธอเศร้าและเจ็บปวดมาก ระหว่างที่ซ้อมกันอยู่เธอก็หยิบกีตาร์ขึ้นมาเล่น 4 คอร์ดซ้ำไปซ้ำมาพร้อมกับร้อยเรียงความเจ็บปวดของเธอออกมาเป็นเนื้อเพลง “สด ๆ ” ตรงนั้น ทั้งวงดนตรีก็เริ่มเข้ามาร่วมเล่นกับเธอเป็นเวลา 10-15 นาที และแล้ววันนั้น เพลง All Too Well ก็ได้ถือกำเนิดขึ้น

โดยเพลงนี้ถือเป็นอีกเพลงที่แฟน ๆ ทุกคนให้ความสนใจเป็นอย่างมากในตอนที่อัลบั้ม Red ได้ถูกปล่อยมาครั้งแรกในปี 2012 รวมถึงสวิฟต์เองก็ได้บอกว่าเพลงนี้เป็นหนึ่งในเพลงที่เธอชอบมากที่สุดในอัลบั้มนี้ เพราะด้วยเนื้อเพลงที่เศร้าเหมือนจะกรีดหัวใจให้แตกเป็นเสี่ยง ๆ ที่บอกเล่าถึงความสัมพันธ์ที่เป็นพิษ (Toxic Relationship) ที่เธอเคยพบเจอมา

ซึ่งบังเอิญว่าเพลงนี้ ก็ได้สร้างอาการ “อกหักทิพย์” ให้กับใครหลาย ๆ คน ที่แม้ว่าจะไม่มีความรักแต่ก็สามารถอินไปกับเนื้อเพลงอันน่าเจ็บปวดนี้ได้ และยิ่งสำหรับคนที่เคยผ่านเหตุการณ์เหล่านี้มาแล้ว เพลงนี้ก็ยิ่งทำให้พวกเขาได้ด่ำดิ่งอยู่ในห้วงความเจ็บปวดที่พวกเขายังจดจำได้เป็นอย่างดี ซึ่งนี่ก็เป็นสิ่งที่ประจักษ์แล้วว่า ในเพลง All Too Well เวอร์ชั่น 10 นาทีนี้ เทเลอร์ สวิฟต์จะไม่ได้หมายถึงเรื่องราวของเธอเองอีกต่อไป แต่ตั้งใจให้มันเป็นเพลงของแฟน ๆ ที่เธอตั้งใจจะเขียนเพลงนี้เพื่อพวกเขาทุกคน

- Advertisement -

“You said if we had been closer in age maybe it would have been fine
And that made me want to die”
“คุณบอกว่าถ้าเราอายุไม่ห่างกันมาก บางทีมันคงจะดี
และนั้นมันทำให้ฉันอยากตาย”

ท่อนนี้แสดงให้เราเห็นเลยว่าความรักของสวิฟต์ในครั้งนั้น เธอได้คบกับคนที่อายุมากกว่าเธอ ซึ่งนั้นก็คือนักแสดงฮอลลีวูด ‘เจค จิลเลนฮาล’ (Jake Gyllenhaal) ที่ในตอนนั้นเขาอายุ 29 ขณะที่เธอพึ่งอายุ 20 ต้น ๆ เท่านั้น โดยห่างกัน 9 ปีเลยทีเดียว และด้วยอายุที่ต่างกัน เป็นหนึ่งในเหตุผลที่จิลเลนฮาลบอกสวิฟต์ว่าพวกเขาเข้ากันไม่ได้ และที่น่าสนใจก็คือ อายุของนักแสดง ‘เซดี ซิงค์’ (Sadie Sink) และ ‘ดีแลน โอไบรอัน’ (Dylan O’Brien) ที่แสดงในภาพยนต์สั้น ‘All Too Well: The Short Film’ ก็มีอายุห่างกัน 9 ปีเหมือนพวกเขาเลยด้วย

** นี่คือการตีความบางส่วนของแฟนเพลงที่แลกเปลี่ยนกันผ่านเว็บไซด์ สามารถเข้าไปอ่านความคิดเห็นเพิ่มเติมได้ที่ Genius: https://bit.ly/3kDt14Uhttps://bit.ly/3oC9JOx

“And you were tossing me the car keys, Fuck the patriarchy
Keychain on the ground, we were always skipping town”
“คุณโยนกุญแจรถที่เขียนว่า “ช่างหัวปิตาธิปไตย” มาให้ฉัน แล้วเรามักจะขับออกนอกเมืองไปด้วยกัน”

สิ่งที่ได้ถูกจินตนาการขึ้นมาในหัวของแฟนเพลงหลาย ๆ คนตอนได้ยินท่อนนี้ คงจะเป็นภาพของจิลเลนฮาลโยนกุญแจรถที่เขียนว่า “ช่างหัวปิตาธิปไตย” (Fuck the patriarchy) ให้สวิฟต์ ที่ดูเหมือนว่าจิลเลนฮาลนั้นเป็นผู้ชายที่สนับสนุนแนวคิดเฟมินิสต์ และต้องการให้สวิฟต์เป็นคนขับรถ แต่ก็ได้มีสวิฟตี้หลาย ๆ คนตีความว่า ความจริงแล้วเขาเป็นคนที่ไม่เคารพ และปั่นหัวสวิฟต์อยู่หลายครั้งถ้าสังเกตจากเนื้อท่อนต่าง ๆ ในอัลบั้มนี้ การปากุญแจรถให้สวิฟต์เหมือนเป็นการผลักภาระให้เธอเชื่อว่าตัวเองเป็นคน “ควบคุม” ความสัมพันธ์ในครั้งนี้ ทำให้ความรู้สึกผิดและความรับผิดชอบทั้งหมดนั้นตกอยู่ที่เธอ

** นี่คือการตีความบางส่วนของแฟนเพลงที่แลกเปลี่ยนกันผ่านเว็บไซด์ สามารถเข้าไปอ่านความคิดเห็นเพิ่มเติมได้ที่ Genius: https://bit.ly/3kDt14Uhttps://bit.ly/3oC9JOx

“Well, maybe we got lost in translation
Maybe I asked for too much”
“บางทีเราอาจจะเข้าใจไม่ตรงกัน
หรือฉันก็คงขอมากเกินไป”

ภาพของการที่สวิฟต์ได้คบกับจิลเลนฮาลได้ถ่ายทอดออกมาในภาพยนต์สั้น ‘All Too Well: The Short Film’ ที่พาเราย้อนกลับไปมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเธอในอดีต ซึ่งในตอนนั้นสวิฟต์ได้แสดงความไม่พอใจของตัวเองออกมา แต่จิลเลนฮาลก็ได้ปั่นหัวเธอ (Gaslighting) ว่าทั้งหมดที่เธอรู้สึกแย่ นั้นเป็นความผิดของตัวเธอเอง และการที่เธอออกมาเรียกร้องทำให้เธอเป็นคนเห็นแก่ตัว ที่เมื่อได้มองกลับไปก็ทำให้เธอตาสว่างว่า เธอได้ถูกล่วงละเมิดทางอารมณ์มาโดยตลอด (Emotion Abuse) แต่บางที่ก็ตีความว่าความคาดหวังของทั้งสองคนนั้นไม่เท่ากัน สวิฟต์ในตอนนั้นได้ความสัมพันธ์นี้ว่าจะคงอยู่ไปตลอดกาล แต่จิลเลนฮาลก็ยังพร้อมที่จะผูกมัดกับเธอขนาดนั้น

** นี่คือการตีความบางส่วนของแฟนเพลงที่แลกเปลี่ยนกันผ่านเว็บไซด์ สามารถเข้าไปอ่านความคิดเห็นเพิ่มเติมได้ที่ Genius: https://bit.ly/3kDt14Uhttps://bit.ly/3oC9JOx

“And you call me up again
Just to break me like a promise
So casually cruel in the name of being honest”
“และคุณโทรกลับมาหาฉันอีกครั้ง
แค่เพื่อจะทำให้ฉันแตกสลายเหมือนคำสัญญาของเรา
มันช่างเป็นความโหดร้ายในคราบของความจริงใจ”

นี่เป็นอีกหนึ่งภาพแทนที่เหล่าแฟนเพลงมองความสัมพันธ์ที่เป็นพิษ (Toxic Relationship) ของสวิฟต์กับจิลเลนฮาล ที่เขาได้ทั้งปั่นหัวและคอยควบคุมเธอ (Manipulated) ใช้คำพูดแรง ๆ พูดใส่เธอแล้วก็มาบอกว่าที่เขาทำไปนั้นเพราะว่าเขา “จริงใจ” แต่ความเป็นจริงแล้ว คำพูดเหล่านั้นนี่แหล่ะเป็นหนึ่งในสิ่งที่ทำให้เธอแตกสลาย (ในตอนนั้น)

** นี่คือการตีความบางส่วนของแฟนเพลงที่แลกเปลี่ยนกันผ่านเว็บไซด์ สามารถเข้าไปอ่านความคิดเห็นเพิ่มเติมได้ที่ Genius: https://bit.ly/3kDt14Uhttps://bit.ly/3oC9JOx

“And I was never good at telling jokes but the punch line goes
I’ll get older but your lovers stay my age”
“ฉันเล่าเรื่องตลกไม่ค่อยเก่ง แต่ประโยคเด็ดก็คือ
ฉันโตขึ้นทุกวัน แต่คนรักของเธอก็ยังมีอายุพอ ๆ กับฉันอยู่ดี”

จากเนื้อเพลงที่ผ่าน ๆ มา ทำให้เรารู้แล้วว่าอายุของทั้งสองนั้นห่างกันถึง 9 ปีเลยทีเดียว โดยจิลเลนฮาลก็ได้บอกกับสวิฟต์ว่าที่ความสัมพันธ์ของเธอนั้นมีปัญหาเป็นเพราะว่าอายุของทั้งสองนั้นห่างกันมากเกินไป แต่เมื่อเลิกกับสวิฟต์ไป คนรักของจิลเลนฮาลคนถัด ๆ ไปก็ไม่ได้มีอายุมากกว่าหรือใกล้เคียงกับเขาเลย แต่กลับเป็นคนที่อายุไล่เลี่ยกับสวิฟต์ทั้งนั้น อย่างคนรักของเขาในปัจจุบันนี้ก็มีอายุเพียง 25 ปีเท่านั้น

** นี่คือการตีความบางส่วนของแฟนเพลงที่แลกเปลี่ยนกันผ่านเว็บไซด์ สามารถเข้าไปอ่านความคิดเห็นเพิ่มเติมได้ที่ Genius: https://bit.ly/3kDt14Uhttps://bit.ly/3oC9JOx

สามารถฟังเพลง All Too Well (10 Minute Version) ได้ที่: https://bit.ly/3DlkuLf
สามารถรับชมภาพยนต์สั้น All Too Well: The Short Film ได้ที่: https://bit.ly/3FkaRwL

#TaylorSwift #AllTooWell
#RedTaylorsVersion
#AllTooWell10minutesVersion
#AllTooWellTaylorsVersion
#ToxicRelationshop #Gaslighting

Content by Alexis to your Mimi
Graphic by Napaschon Boontham
สนทนาเรื่องเพศได้ที่กลุ่ม ‘เพศ’: https://bit.ly/2LKTzTg
อ่านคอนเทนต์เรื่องเพศอื่นๆ: https://bit.ly/3hhRUzp

อ้างอิง
Nytimes: https://nyti.ms/2YOZQUz
Gawker: https://bit.ly/3cgKgo4
Seventeen: https://bit.ly/3FlZBA8
Genius: https://bit.ly/3kDt14U, https://bit.ly/3oC9JOx
TheTonightShowStarringJimmyFallon: https://bit.ly/3owUaHM
ภาพ: Beth Garrabrant for All Too Well (10 Minute Version), Taylor Swift
#SPECTRUM #พื้นที่ความคิดของทุกสีสัน

- Advertisement -
กันตพงศ์ เชี่ยวพิมลพร
กันตพงศ์ เชี่ยวพิมลพร
นักหาทำอันดับหนึ่งที่คิดว่าจะยังคงหาทำต่อไปและตามหาตัวเองไปเรื่อยๆ เชื่อว่าเสียงของทุกคนมีความหมาย(วะวะว๊าว) เวลาว่างชอบทำตัวให้ไม่ว่าง(แฮ่)
นภัสชล บุญธรรม
นภัสชล บุญธรรม
Illustrator & Graphic Designer