TW: ความรุนแรง ปืน กราดยิง
เกิดเหตุกราดยิงที่ ‘Club Q’ คลับของชาว LGBTQ+ ในเมือง ‘โคโลราโด สปริงส์’ (Colorado Springs) รัฐโคโลราโด (Colorado) สหรัฐอเมริกา เมื่อคืนวันที่ 19 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 5 ราย บาดเจ็บอีกประมาณ 25 ราย ก่อนที่จะมีพลเมืองดีเข้าชาร์จและควบคุมมือปืนชายวัย 22 ปีไว้ได้
เจ้าของร้านได้เผยภาพจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกภาพของพลเมืองดีไม่ทราบชื่อจำนวน 2 รายเข้าชาร์จและแย่งอาวุธปืนจากคนร้ายได้สำเร็จ ก่อนที่จะกดคนร้ายให้นอนอยู่ที่พื้นกระทั่งตำรวจมาถึงที่เกิดเหตุ “พวกเขาหยุดคนร้ายได้อย่างทันควัน และช่วยชีวิตคนให้รอดชีวิตได้อีกหลายสิบคน ในขณะที่คนอื่น ๆ กำลังวิ่งหนีแต่พวกเขาตัดสินใจที่จะวิ่งเข้าไปหาคนร้าย” เจ้าของร้านกล่าว
โจชัว เธอร์แมน (Joshua Thurman) หนึ่งในผู้ที่ไปปาร์ตี้ในคลับดังกล่าวเพื่อฉลองวันเกิดล่วงหน้าของเขากล่าวว่า ตอนแรกเขาคิดว่าเสียงปืนคือเสียงในเพลง แต่เมื่อเขาได้ยินเสียงและแสงของปืนนัดต่อ ๆ มา เขาก็วิ่งหนีไปยังห้องแต่งตัวของนักแสดงแดรกโชว์ที่อยู่ด้านหลังคลับ ในระหว่างที่เขาอยู่ในนั้นเขาได้ยินเสียง ‘ปัง! ปัง!’ อยู่ตลอดเวลา
“พอเราออกมาจากห้องแต่งตัว เราก็เห็นศพนอนอยู่” โจชัวกล่าวพลางร้องไห้สะอึกสะอื้น “มีทั้งเศษแก้วแตก มีทั้งเลือด ผมเสียเพื่อน ๆ ของผมไปแล้ว!” ก่อนจะเผยอีกว่าเพื่อนของเขาที่เป็นบาร์เทนเดอร์ของคลับแห่งนี้ก็เป็นหนึ่งในผู้เสียชีวิตในโศกนาฏกรรมดังกล่าว เขากล่าวต่อว่า ‘Club Q’ เคยเป็นที่ที่ปลอดภัยสำหรับชาว LGBTQ+ และยังเป็น “ที่ที่เรารัก ที่แห่งความสงบ และที่ที่เราได้เป็นตัวเราเอง”
ต่อมาภายหลังมีการยืนยันชื่อผู้ก่อเหตุนามว่า ‘แอนเดอร์สัน ลี อัลดริช’ (Anderson Lee Aldrich) เขาได้ใช้อาวุธปืนไรเฟิลขนาดใหญ่บุกเข้าไปในคลับดังกล่าวและเริ่มกราดยิงทันทีในช่วงไม่กี่นาทีก่อนเที่ยงคืน นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าพบอาวุธปืนอีก 2 กระบอกตกอยู่ในที่เกิดเหตุ โดยตำรวจได้ทำการจับกุมผู้ก่อเหตุและนำไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลท้องถิ่น
ณ ขณะนี้ ตำรวจกำลังทำการตรวจสอบว่าเหตุกราดยิงในครั้งนี้ถือเป็นอาชญากรรมที่เกิดจากความเกลียดชังกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ‘ไมเคิล อัลเลน’ (Michael Allen) อัยการเขตยืนยันว่าจะมีการสืบสวนคดีนี้ในรูปแบบของอาชญากรรมที่มีแรงจูงใจจากความเกลียดชังกลุ่ม LGBTQ+ ซึ่งการก่อเหตุในครั้งนี้เกิดขึ้นเพียงไม่กี่นาทีก่อนถึง ‘วันรำลึกถึงคนข้ามเพศที่ถูกฆาตกรรมด้วยความเกลียดชัง’ (Transgender Day of Remembrance) อีกด้วย
นับเป็นอีกหนึ่งเหตุสะเทือนใจที่สร้างความสูญเสียและความหวาดกลัวต่อกลุ่มคอมมูนิตี้ LGBTQ+ นับตั้งแต่เหตุชายจากกลุ่มก่อการร้ายกราดยิงคลับเกย์ในเมืองออร์แลนโด รัฐฟลอริดา เมื่อปี 2016 ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากถึง 49 รายและบาดเจ็บอีกกว่า 53 ราย
ในขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีไบเดนได้ออกแถลงการณ์ประณามความรุนแรงที่มุ่งโจมตีกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ โดยกล่าวว่า “สถานที่ที่ควรจะเป็นพื้นที่ปลอดภัย เต็มไปด้วยการยอมรับ และการเฉลิมฉลอง ไม่ควรจะถูกทำให้กลายเป็นที่แห่งความรุนแรงและความหวาดกลัว เราไม่สามารถและต้องไม่ทนต่อความเกลียดชังเด็ดขาด”
นอกจากนี้ไบเดนยังได้ย้ำถึงจุดยืนที่เขาพยายามผลักดันการยกเลิกกฎหมายซึ่งอนุญาตให้เข้าถึงและพกอาวุธปืนได้อย่างเสรีในหลาย ๆ รัฐอเมริกา “เมื่อไหร่ที่เราจะตัดสินใจสักทีว่าเราจะไม่ทนกันอีกต่อไป? เราต้องพูดถึงปัญหาความรุนแรงจากอาวุธปืนทุก ๆ รูปแบบที่กำลังแพร่ระบาดไปทั่วประเทศดั่งโรคติดต่อกันอย่างจริงจังเสียที”
เป็นอีกครั้งที่กลุ่ม LGBTQ+ ต้องเจอกับความเกลียดชังที่สร้างความรุนแรงจนเกิดเหตุโศกนาฏกรรมในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นว่าถึงแม้ว่าการเรียกร้องเพื่อการยอมรับในตัวตนของผู้มีความหลากหลายทางเพศจะทำให้สังคมเปิดกว้างมากขึ้นบ้างแล้ว แต่ความเกลียดชังทางเพศยังคงมีอยู่ทุกที และซ่อนตัวอยู่เงียบ ๆ รอวันที่จะโจมตีและสร้างความสูญเสียให้เกิดขึ้นอีกครั้ง
นั่นหมายถึงในฐานะที่เราเป็นพลเมืองโลกที่ต่างมุ่งหวังให้สังคมไปสู่ความสงบสุขบนพื้นฐานของความเท่าเทียม เราควรจะตื่นตัวและตระหนักอยู่ตลอดเวลาว่าความเกลียดชังทางเพศยังคงมีอยู่จริง โดยยังมีชีวิตที่สูญเสียให้ความเกลียดชังนั้นอยู่จริง ๆ และความรุนแรงนั้นจะหยุดได้ด้วยมือของเราทุก ๆ คน หากเราช่วยกันส่งเสียงต่อต้านความรุนแรงนั้น ๆ และเรียกร้องความยุติธรรมให้กับคนทุก ๆ เพศในสังคม
#StopHateCrime #LGBTQLivesMatter #GunViolence #GunControl
Content by Wattanapong Kongkijkarn
อ้างอิง:
CNN: https://cnn.it/3i0j6YD
NPR: https://n.pr/3XvrvUe
The New York Times: https://nyti.ms/3Gysz3C
#SPECTRUM #พื้นที่ความคิดของทุกสีสัน
